อสังหาฯไตรมาส1ดิ่ง GRANDขาดทุน LPNกำไรลด55% ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง
4 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ประกาศไตรมาสแรกขาดทุน-กำไรลด 55% GRAND หนักสุดขาดทุน 6 ล้าน
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก ปรากฏว่าทรุดหนัก นำโดย บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) ที่ขาดทุน 6 ล้านบาท พลิกจากกำไร 60 ล้านบาท ช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายไพสิฐ แก่นจันทน์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร GRAND ชี้แจงว่า ขาดทุนเพราะรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง เนื่องจากการขายและการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของโครงการไฮด์ สุขุมวิท ลดลง แม้รายได้ลดลงมากแต่ต้นทุนจากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลงน้อยกว่า รายได้ เนื่องจากห้องชุดที่ขายได้ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ในตำแหน่งที่ดีและชั้นสูงซึ่งราคาจะสูงกว่าห้องชุดที่มีการโอนในไตรมาสปัจจุบัน และค่าใช้จ่ายในการขายของบริษัทลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 13 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของโครงการไฮด์ สุขุมวิท ลดลงตามรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่ลดลงในไตรมาสปัจจุบัน
นอกจากนั้น ภาษีเงินได้ของบริษัทลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 26 ล้านบาท ตามผลกำไรก่อนภาษีของบริษัทที่ลดลง โดยภาษีเงินได้ของบริษัทในไตรมาสปัจจุบันเกิดจากผลของภาษีเงินได้รอตัดบัญชี
สำหรับผลประกอบการที่ลดลงรองลงมา ได้แก่ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กำไรไตรมาสแรก 315 ล้านบาท ลดลง 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ LPN ชี้แจงว่า กำไรสุทธิ ลดลง เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง 46.70% เป็น 2,266.44 ล้านบาท เพราะสถานภาพทางการเงินของกลุ่มเป้าหมาย อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ รวมถึงวงจรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังคงรักษาระดับกำไรขั้นต้นไว้ 30% ของรายได้ อีกทั้งมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 10.56% บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมในไตรมาสแรก 2,472.66 ล้านบาท ลดลง 44.12%
อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรก ปี 2560 บริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเพียง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 76-แบริ่ง สเตชั่น มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท แต่ยังคงรักษาระดับกำไรขั้นต้นไว้ร้อยละ 30 ของรายได้ ในไตรมาสแรก ปี 2560 บริษัทได้มีการเปิดตัว 4 โครงการ ได้แก่ 1) ลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน 2) ลุมพินี เพลส บางนา กม.3 3) ลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว 2 และ 4) ลุมพินี วิลล์ พระนั่งเกล้า-ริเวอร์วิว มูลค่ารวมประมาณ 5,200 ล้านบาท
สำหรับ 9 เดือนที่เหลือของปี 2560 บริษัทมีโครงการที่จะแล้วเสร็จ พร้อมส่งมอบอีก 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,170 ล้านบาท และมีแผนเปิดตัวเพิ่มอีก 8 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 14,800 ล้านบาท บริษัทมีงานในมือสิ้นเดือน มี.ค. 2560 รวม 5,060 ล้านบาท แยกเป็นปี 2560 จำนวน 2,980 ล้านบาท และปี 2561 จำนวน 2,080 ล้านบาท
อันดับ 3 บริษัท ศุภาลัย (SPALI) กำไร 686 ล้านบาท ลดลง 51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นางวารุณี ลภิธนานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ SPALI ชี้แจงว่า 1.รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 3,803.90 ล้านบาท ลดลง 39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮาส์ 60% และที่เหลือเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ อาคารชุด เนื่องจากในไตรมาสแรก ปี 2559 เป็นช่วงที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01% ทำให้ลูกค้าเร่งโอนกรรมสิทธิ์ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทคิดเป็น 16% เมื่อเทียบกับรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันกับปีก่อนที่อยู่ที่ 9.3% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นยังมาจากจำนวนโครงการที่เพิ่มขึ้น
น.ส.อภิญญา จารุตระกูลชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ชี้แจงว่า กำไรไตรมาสแรก 653 ล้านบาท ลดลง 12% จากกำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง 578 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์