อสังหาฯภาคใต้รอเวลาตลาดปรับสมดุล
วราพงษ์ ป่านแก้ว
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้ใน จังหวัดใหญ่ๆ ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ได้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลจากการชะลอการลงทุนโครงการใหม่ๆ ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดตัว ในช่วงที่ผ่านมาค่อยๆ เริ่มถูกดูดซับออกไป
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์ 2 และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์ใน 4 จังหวัดใหญ่ภาคใต้ ได้แก่ จ.ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ในช่วงที่ผ่านมา จำนวนที่อยู่อาศัยใหม่ยังไม่เพิ่มขึ้นมาก ในส่วนของความต้องการซื้อ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่มีข้อจำกัดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความเข้มงวดของธนาคาร ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เพราะการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นการก่อหนี้ระยะยาว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในภาคใต้ยังมีปัจจัยที่ดี เช่น ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีกว่าในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะยางพารา ซึ่งภาคใต้มีผลผลิตที่ดีกว่าภาคอื่นๆ เมื่อราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นจะทำให้เกิดการจับจ่ายในพื้นที่
ขณะที่สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในภาพรวมช่วงครึ่งปีแรก ตลาดยังอยู่ในภาวะที่ยังไม่ค่อยดีนัก เพราะผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่น แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมมีสัญญาณฟื้นตัวจากการลงทุนภาครัฐ แต่เงินยังไหลลงมาในระดับล่าง ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักระยะ โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจจะดีขึ้นกำลังซื้อก็จะกลับ คืนมา
ด้าน บุญ ยงสกุล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยภูเก็ตชะลอตัวลงอย่าง ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนถึง 1.4 หมื่นหน่วย แต่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ไปได้แล้วกว่า 1.2 หมื่นหน่วย ทำให้มีจำนวนเหลือขายอยู่ประมาณ 14% เท่านั้น ตลาดในขณะนี้จึงถือว่าไม่น่ากังวล
แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับราคากลาง-ล่าง หรือราคา 1-2 ล้านบาท ขณะนี้ยัง ถือว่าโอเวอร์ซัพพลาย ส่วนคอนโด มิเนียมราคา 4-6 ล้านบาทขึ้นไปยังมีโอกาส แต่ต้องพัฒนาโดยมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์ เพราะผู้ซื้อจะเป็นชาวต่างชาติ ในขณะที่โครงการบ้านจัดสรรไม่มีปัญหาด้านการขาย ส่วนหนึ่งเพราะที่ดินมีจำกัด แต่ความต้องการมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
รอเพียงระยะเวลาในการปรับสมดุลและจังหวะของการฟื้นตัว จากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งพอเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการลงทุน ภาครัฐและความเชื่อมั่นที่ค่อยๆ กลับมา แต่จะเร็วแค่ไหนยังต้องลุ้นกัน ต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์