ปั้นมิกซ์ยูส พาร์ค39 ไทยเอเชียนฯทุ่ม1.2พันล้านผุดโครงการบนสุขุมวิทเจาะต่างชาติ
ไทย เอเชียนฯ ผุดมิกซ์ยูสกลางสุขุมวิท 39 รับเทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยน เน้นความสะดวก ครบวงจร
นายสิงห์ สิงห์สัจจกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอเชียน อินเวสเตอร์ส เปิดเผยว่า ด้วยศักยภาพทำเลย่านสุขุมวิท 39 ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพร้อมพงษ์ ซึ่งถือว่าเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) ที่มีศักยภาพ ประกอบกับที่ดินบริเวณนี้มีราคาแพงและหายาก อย่างเช่นในซอยแยกของสุขุมวิท 39 ราคาเฉลี่ยประมาณ 1 ล้านบาท/ตารางวา(ตร.ว.) แต่ถ้าอยู่ติดถนนราคาขยับไปถึง 1-2 ล้านบาท/ตร.ว.
ทั้งนี้ บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการพาร์ค 39 เป็นโครงการมิกซ์ยูสเกรดเอมูลค่าการลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่เกือบ 900 ตร.ว. พร้อมที่จอดรถกว่า 100 คัน ภายในโครงการมี 2 อาคารสูง 6 และ 7 ชั้น ประกอบด้วย พื้นที่ค้าปลีก 2,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) อาคารสำนักงาน และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จำนวน 88 ห้อง
นอกจากนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาประมาณ 3 ปี ซึ่งเดิมเป็นห้างสรรพสินค้าไดมารู โดยเห็นว่าเทรนด์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงการจะทำที่พักอาศัยอย่างเดียวไม่เพียงพอ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พักอาศัย โครงการมิกซ์ยูสน่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่า ซึ่งบริษัทเองก็มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการโครงการต่างๆ มาแล้วหลายโครงการ เช่น โครงการบ้านทองหล่อ (ทองหล่อ 13) โครงการเฟิร์นวูด เรสซิเดินซ์ (เอกมัย 4) โครงการในซอยทองหล่อ 23 และซอยสุขุมวิท 61 เป็นต้น
สำหรับพื้นที่ค้าปลีกได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ ธ.ค. 2559 ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 95% อัตราค่าเช่าเฉลี่ย 1,000 บาท/ตร.ม. มีทั้งหมด 13 ร้านค้าชั้นนำ เช่น ร้านพาทิสเซ่ ร้านอาหารสไตล์คาเฟ่ชื่อดังจากออสเตรเลีย ร้านโมเดิร์นพิลาทิส ร้านฟ้า-ลม ร้านแมดด็อกซ์ เฮ้าส์เลเซอร์ เกมส์ เป็นต้น โดยกระแสตอบรับดีมีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศถึง 80% คนไทย 20% อย่างไรก็ดี บริษัทเตรียมจัดโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้าต่อเนื่อง
ขณะที่ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ขนาดพื้นที่ 43-130 ตร.ม. เตรียมเปิดให้เข้าพักอาศัยในเดือนมิ.ย.นี้ โดยอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 5.5-7 หมื่นบาท/เดือน ซึ่งในอนาคตอาจแบ่ง 40% เปิดให้บริการแบบรายวันโดยจุดเด่นของพาร์ค 39 คือ เพดานอาคารสูงเกือบ 3 เมตร แตกต่างจากที่อื่นที่ปกติสูงเพียง 2 เมตรกว่าๆ อีกทั้งการแตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น มีรูปแบบเฉพาะตัวในแต่ละห้องโดยกลุ่มลูกค้าหลักมองว่าจะเป็นลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่นคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3 ล้านบาท/เดือน และมีอัตราการเติบโตปีละ 20%
นอกจากการพัฒนาอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ แล้วบริษัทยังดำเนินธุรกิจโรงแรมภายใต้ชื่อ ฮอไรซอน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่ภูเก็ต 2 แห่ง อยู่ที่หาดป่าตองและหาดกะรน และมีแผนพัฒนารีสอร์ท 200 ห้องในเร็วๆ นี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์