บุญรอด รุกหนักอสังหาฯดันรายได้
Loading

บุญรอด รุกหนักอสังหาฯดันรายได้

วันที่ : 2 มิถุนายน 2560
บุญรอด รุกหนักอสังหาฯดันรายได้

บุญรอดฯรุกหนักเพิ่มสัดส่วนรายได้ นอนแอลกอฮอล์ 50%  ดันพอร์ตลงทุนอสังหาฯ พร้อมเฟ้นมืออาชีพเสริมทัพเคลื่อนธุรกิจ

 

นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการขับเคลื่อนธุรกิจของบุญรอด ยังคงให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และธุรกิจที่ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้อยู่ที่ 50% เท่ากันให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด จากปัจจุบันธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สร้างรายได้หลัก 65% ธุรกิจไม่ใช่เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ 35%

 

การเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ พบว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นหัวหอกในการสร้างรายได้  ล่าสุดบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้เข้าไปเป็นผู้บริหารจัดการโครงการ ขนาดใหญ่ที่เกาะมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นการลงทุนด้านการท่องเที่ยวบนพื้นที่ 9 เกาะในมัลดีฟส์

 

โครงการดังกล่าว ประกอบด้วย แหล่งชอปปิง ท่าเทียบเรือยอร์ช บีชคลับ และโรงแรมฯ เมื่อเร็วๆนี้ ยังร่วมมือกับ เครือฮาร์ดร็อค ลงทุนพัฒนาโรงแรม ก่อนหน้านี้กลุ่มสิงห์ได้ผนึกกลุ่มฟิโก้ เข้าไปซื้อกิจการโรงแรมเมอร์เคียว 26 แห่งในประเทศอังกฤษ  "หลังจากที่สิงห์ปรับโครงสร้างธุรกิจ ประกอบด้วย 5 เสาหลัก ภาพของสิงห์เปลี่ยนไปมาก หลากหลายเพิ่มขึ้น ขณะนี้ธุรกิจหลักๆ ที่ขยายออกไปเป็นด้านอสังหาฯมากและเป็นเชิงรุกพอสมควร นอกจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว อาคารสำนักงาน ก็ไปลงทุนทางด้านโรงแรม เนื่องจากเล็งเห็นว่าธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่มีอนาคต โดยเปิดกว้างลงทุนทั้งซื้อ-ควบรวมกิจการ และร่วมทุน และไม่จำเป็นต้องถือหุ้นใหญ่"

 

แต่ละปีสิงห์ ใช้งบประมาณหลักหมื่นล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ โดยน้ำหนัก การลงทุนค่อนข้างสูงจะอยู่ในกลุ่ม อสังหาฯ  "สิ่งที่อยากทำให้สำเร็จที่สุดในการขับเคลื่อนธุรกิจภายใน 3-5 ปีข้างหน้า คือการทำเรื่องคนเพราะเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญสุด สิงห์มีพนักงานกว่า 5,000 คน จึงต้องการหาคนที่เข้ามาบริหารที่ดี และผลักดันสัดส่วนรายได้ให้เป็นไปตาม วิสัยทัศน์โดยเร็วที่สุด   การทำธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปความท้าทายที่สุดคือตนเองในการที่จะเฟ้นหาคนที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมงานให้ได้มากแค่ไหน โดยคนที่เข้ามาจะต้องเป็นแบบผม คือจริงใจ พูดภาษาเดียวกันไม่ต้องอธิบายหรืออ้อมค้อม"

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ