"แสนสิริ" เผยผลสำรวจอสังหาฯระดับ ซูเปอร์ลักชัวรี ไทยน่าลงทุน เทียบเมืองชั้นนำ ชี้ทำเลศูนย์กลางภูมิภาค ราคายังต่ำ ผลตอบแทนเหมาะสม

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักชัวรีทั่วโลกจาก เอเยนซี่อสังหาฯ ในไทยและต่างชาติ ประกอบด้วย ข้อมูลจาก Global Property Guide, Knight Frank, Numbeo และ PLUS Property พบว่า ประเทศไทยยังคงน่าสนใจและคุ้มค่าลงทุน เมื่อเทียบอสังหาฯในประเทศใกล้เคียง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมแบบ ฟรีโฮลด์ที่ผู้ซื้อถือกรรมสิทธิ์ได้ เพราะไทยมีซัพพลายและดีมานด์ในตลาดมากกว่าประเทศอื่นๆที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนต่างชาติ เช่น กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ และมีผลตอบแทนการลงทุนสูงเหมาะสำหรับการลงทุน

อสังหาฯ ไทยยังได้เปรียบทำเลที่ตั้งศูนย์กลางอาเซียน มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคและการคมนาคม  โดยเฉพาะโครงการซูเปอร์ลักชัวรี น่าสนใจเมื่อเทียบกับโครงการในเมืองชั้นนำทั่วโลก

ยกตัวอย่าง โครงการแฟลกชิพคอนโดในเครือแสนสิริ ราคาเริ่มต้น 70ล้านบาทต่อยูนิตได้พื้นที่ 121 ตร.ม. เทียบเมืองอื่นที่มูลค่าเท่ากันจะได้พื้นที่น้อยกว่า เช่น คอนโดในโซนศูนย์กลางธุรกิจ ฮ่องกง ได้พื้นที่ 40 ตร.ม. ไทยราคาต่ำกว่าฮ่องกง 3-4 เท่า หรือในนิวยอร์ก มูลค่า 70 ล้านบาทเท่ากันจะได้พื้นที่ 52 ตร.ม. ลอนดอน ได้พื้นที่ 60 ตร.ม. สิงคโปร์  86 ตร.ม. ปักกิ่ง 116 ตร.ม.

สำหรับภาพรวมราคาเฉลี่ยคอนโดในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐ ราคาขายเฉลี่ย 6.3 แสนบาทต่อตร.ม.ราคาปล่อยเช่ารายเดือน 1.79 แสนบาทต่อตร.ม. อังกฤษ ราคาขายเฉลี่ย 1.09 ล้านบาท ต่อตร.ม.ปล่อยเช่ารายเดือน 3.53 แสนบาทต่อตร.ม.ไต้หวันราคาขายเฉลี่ย 2.51 แสนบาทต่อตร.ม.ปล่อยเช่ารายเดือน 3.9 หมื่นบาทต่อตร.ม. และไทย ราคาขายเฉลี่ย 2 แสนบาทต่อตร.ม. ปล่อยเช่ารายเดือน 7.4 หมื่นบาทต่อตร.ม.

ทั้งนี้ ราคาเพนท์เฮาส์ขายดี ปัจจัยหลัก คือ ทำเล ดีไซน์ สิ่งอำนวยสะดวกบริการ ซึ่งพัฒนาได้ไม่มากเพราะทำเลมีจำกัด

ส่วนที่ดินย่านถ.วิทยุ กรุงเทพฯ ย้อนหลัง  ปี 2554 ราคา 1.4 ล้านบาทต่อตร.ว. ปี2558 อยู่ที่ 1.9 ล้านบาทต่อตร.ว.ปรับเพิ่ม 36% ปัจจุบันสูงขึ้น 42% มีราคากว่า 2 ล้านบาทต่อตร.ว.

นายอุทัย กล่าวว่า โครงการ 98 wireless ปัจจุบัน ขายได้แล้ว 60% จากมูลค่าโครงการรวม 8,500 ล้านบาท เหลือขายราว30ยูนิตจากจำนวนรวม 77 ยูนิต ในสัดส่วน60%ที่ขายได้ มีลูกค้าต่างชาติซื้อแล้ว 3 ยูนิต จากฮ่องกง และญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าเพื่อลงทุน โดยยังเล็งเจาะกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลางเพิ่มเติม คาดว่าปิดการขายปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

การทำตลาดจากนี้จะมีโปรโมชั่น กระตุ้นการขายต่างๆ โดยร่วมกับสถาบันการเงิน โดยมองว่าคนซื้อ อสังหาฯให้ความสำคัญกับเรื่องดอกเบี้ยอย่างมาก จึงเน้นโปรโมชั่น คงอัตราดอกบี้ย เพื่อจูงใจผู้ซื้อ

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ