Sการันตีรายได้ปีนี้โตทุ่มงบ310ล้านเหรียญ ลุยโครงการมัลดีฟส์
“สิงห์ เอสเตท” ลั่นรายได้ปี 60 พุ่ง หลังรับรู้รายได้ขายสิทธิการเช่าพื้นที่ โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ฟุ้งเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว-คอนโดมิเนียม Q4/60 บุ๊ครายได้ทันที พร้อมทุ่มงบ 310 ล้านเหรียญสหรัฐ รุกสร้างโครงการมัลดีฟส์
นายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า คาดรายได้ปี 2560 จะเติบโตจากปี 2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,657 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้การขายสิทธิการเช่าพื้นที่ โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ให้กับทางกลุ่มบุญรอดจำนวน 10,000 ตารางเมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการจ่ายค่าเช่าดังกล่าวล่วงหน้ามาแล้วจำนวน 1,900 ล้านบาท
สำหรับโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ในขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2560 ซึ่งหลังจากการก่อสร้างเสร็จบริษัทจะส่งมอบพื้นที่ให้กับกลุ่มบุญรอด และในช่วงไตรมาส 1/61บริษัทจะมีการเปิดให้เช่าพื้นที่ในส่วนของพื้นที่โครงการที่เหลือ
ขณะเดียวกัน บริษัทจะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว สันติบุรี เรสซิเดนซ์ ประดิษฐ์มนูธรรม ที่มีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม The Esse at Sukhumvit 36 ที่มีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/60 จะมีการรับรู้รายได้ทันที ทำให้คาดรายได้จะเพิ่มขึ้นจากปี 2559
อีกทั้งในปี 2561 จะมีการรับรู้ยอดโอนโครงการคอนโดมิเนียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการ The Esse at Singha Complex มีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 4,160 ล้านบาท ซึ่งได้มีการขายแล้วประมาณ 80% และโครงการ The Esse Asoke ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 4,772 ล้านบาท ซึ่งจะส่งมอบห้องได้ในไตรมาส 4/61 โดยมีการขายแล้ว 75% ประกอบกับในช่วงไตรมาส1/61 จะมีการส่งมอบพื้นที่เช่าอาคาร สิงห์ คอมเพล็กซ์ ทำให้คาดรายได้จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นายเมธี กล่าวอีกว่า บริษัทได้มีการตั้งงบลงทุนรวมจำนวน 310 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ โดยเบื้องต้นจะมีการซื้อพื้นที่จำนวน 3 เกาะ จากทั้งหมด 9 เกาะ จากกลุ่มบุญรอด ซึ่งจะใช้งบลงทุนอยู่ที่ 80 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดจะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 3/60
โดยโครงการดังกล่าวมีแหล่งเงินทุนมาจากการเงินกู้จากสถาบันทางการเงิน และการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดจะออกหุ้นกู้แปลงสภาพได้ในช่วงไตรมาส3/60 และขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 500 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทยังวางแผนนำสินทรัพย์ ได้แก่ ตึกซันทาวเวอร์ ที่เป็นธุรกิจอาคารพาณิชย์เพื่อเช่า เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งคาดจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี เนื่องจากในขณะนี้ยังมีอัตราค่าเช่าที่ต่ำกว่าตลาด ทำให้บริษัทมีการปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นเพื่อให้ราคาค่าเช่าเท่าตลาด โดยในปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ประมาณ 96%
นอกจากนี้ บริษัทยังมองในการซื้อกิจการโรงแรมในต่างจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน ซึ่งคาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อแห่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ 1,700 ล้านบาท ซึ่งยังถือว่าเพียงพอต่อการลงทุน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น