ทุนยักษ์ใหญ่แห่ผุดโครงการมิกซ์ยูสคาดปี68ซัปพลายออฟฟิศทะลัก6.5แสนตร.ม.
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย)จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการพัฒนาโครงการในรูปแบบผสมผสาน "Mixed-Use" ว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการมากขึ้น โดยมีอสังหาริมทรัพย์หลายประเภทภายในโครงการเดียว อาทิคอนโดมิเนียม, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์, อพาร์ตเมนต์, อาคารสำนักงาน, พื้นที่ค้าปลีก เป็นต้น สามารถสร้างรายได้ให้แก่เจ้าของโครงการได้อย่างต่อเนื่องและหลากหลายช่องทาง อย่างไรก็ตามการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ผู้ประกอบการจะต้องมั่นใจในศักยภาพของตนเอง ว่าสามารถพัฒนาและขายได้จนจบโครงการ
สำหรับที่ดินที่จะนำมาพัฒนาต้องเป็นที่ดินแปลงใหญ่ ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ไม่เป็นที่ดินตาบอด สามารถเพิ่มมูลค่าและมีความน่าสนใจของโครงการ
ทำเลที่ตั้งโครงการมิกส์ยูส ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง(CBD) โดยที่ดินที่ ได้กรรมสิทธิ์ส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเล สุขุมวิท, เพลินจิต, เจริญนคร, พระราม 3, นราธิวาสราชนครินทร์และเพชรบุรี เป็นต้น ส่วนที่ดินที่เช่าระยะยาว ได้แก่ทำเลหลังสวน,พระราม 1, พระราม 4, เพลินจิต, วิทยุ, ราชดำริ และรัชดาภิเษก
ในพื้นที่ต่างจังหวัด โครงการมิกซ์ยูสเริ่มเห็นมีการพัฒนาบ้าง อาทิ ภูเก็ตจะเห็นชัดเจนมาก ระยอง มีไม่มากเมื่อเทียบกับในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากนี้ไปประเทศไทยจะมีโครงการมิกซ์ยูสมากขึ้น เพราะมีความต้องการอย่างเนื่อง นอกจากนี้การที่ราคาที่ดินราคาแพงมาก ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องพัฒนาโครงการที่สามารถสร้างรายได้จำนวนมากและต่อเนื่อง
สำหรับโครงการมิกซ์ยูสที่จะเปิดตัวในอนาคต ได้แก่ รังสิต, เมกา อีสต์, บางกอกโดม, หมอชิต, รัชดาภิเษก, มักกะสัน, พระราม 9, ซีคอน ซิตี้, เมกา ซิตี้, สถานทูตอังกฤษ, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, สี่แยกบางนา, สีลม และพระราม 4 โดยเริ่ม ทยอยก่อสร้างและคาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จภายใน 9 ปีหลังจากนี้หรือในปี 2568 และจากแผนการลงทุนของโครงการดังกล่าวจะมีอาคารสำนักงานจำนวน 650,000 ตารางเมตร, พื้นที่ค้าปลีก 510,000 ตารางเมตร, คอนโดมิเนียม 11,700 ห้อง โรงแรม 5,200 ห้อง และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 2,500 ห้อง
แม้ว่าจะมีผลดีหากโครงการเหล่านี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ผลกระทบที่จะตามมายังมีอีกมาก อาทิ การที่มีอาคารสำนักงานใหม่ ทันสมัยที่มีพื้นที่ กว่า 650,000 ตร.ม. ย่อมดึงดูดบริษัทข้างชาติหรือ บริษัทขนาดใหญ่ให้ย้ายจากสำนักงานเดิมไปเช่าสำนักงานแห่งใหม่ ซึ่งจะทำให้อาคารสำนักงานเก่าที่บริษัทเหล่านี้เช่าอยู่มีพื้นที่ว่างทันที ดังนั้นเจ้าของอาคารเก่าจะต้องปรับตัว พัฒนาภายในอาคารสำนักงานให้มีความทันสมัยสะดวกสบาย
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)หรือ SENA กล่าวว่า โครงการประเภทมิกซ์ยูส มักเป็นโครงการที่ใหญ่และให้พื้นที่สีเขียวมาก แต่มองว่าโครงการไม่จำเป็นต้องใหญ่ ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย, พื้นที่ค้าปลีก, โรงแรม, ศูนย์เรียนรู้ทางวัฒนธรรม, สถาบันการศึกษา, อุตสาหกรรมและอื่นๆ ซึ่งการทำมิกซ์ยูสจะช่วยกระจายความเสี่ยง เนื่องจากมีรายได้จากหลายส่วน
MJD ชิมลางผุดบ้านหรูในซีบีดี 100 ล้าน
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนของบริษัทฯ โดยในครึ่งปีหลังจะเปิดทั้งหมด 10 โครงการใหม่ มูลค่า 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท อาคารสำนักงาน 1 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท และเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท
"เป็นครั้งแรกที่บริษัทรุกเข้าสู่ตลาดแนวราบ และจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ซึ่งจะเน้นจับตลาดบ้านสร้างเสร็จพร้อมขายระดับบนในย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD ราคา 70-100 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นบ้านจริงที่เสร็จแล้ว"
โดยเป้าหมายการขายในช่วง 5 ปี (ปี 2560-64) จะมีรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 64 สัดส่วนรายได้ประจำจะเพิ่มเป็น 20% หรือมีรายได้ประจำเฉลี่ย 100 ล้านบาทต่อเดือน จากกลุ่มโครงการสำนักงานเช่า โดยจะมีพื้นที่เช่าเพิ่มเป็น 150,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากปัจจุบันมีพื้นที่เช่าอาคารสำนักงานอยู่ที่ 10,000 ตร.ม. ของโครงการ เมเจอร์ ทาวเวอร์ ซอยทองหล่อ 10 ซึ่งสร้าง รายได้ประจำ 8 ล้านบาทต่อเดือน โดยมีแผน จะลงทุนอาคารสำนักงานใหม่อย่างน้อย 1-2 โครงการต่อปี ซึ่งในปีนี้จะพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานแห่งใหม่พื้นที่เช่า 30,000 ตร.ม. ในย่านพระราม 9-รามคำแหง มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของอาคารสำนักงาน ซึ่งอยู่ภายในโครงการมิกซ์ยูสที่มีโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าราว 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ต.ค. แล้วเสร็จเปิดให้บริการภายใน 1 ปี
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา