MJDกางแผนธุรกิจ5ปี โกยรายได้ทะลุหมื่นล.
MJD ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี (2560-2564) เติบโตไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ประเมินผลงานปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 5,405 ล้านบาท ทยอยรับรู้จาก Backlog ในมือกว่า 1 หมื่นล้านบาท เปิดแผนปีนี้ผุด 10 โครงการ ใหม่ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท อัพยอดขายทั้งปีทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายใน 5 ปี (2560-2564) จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 5,405.66 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 411.82 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหญ่ มูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท ที่สร้างเสร็จและเริ่มทยอยโอนตั้งแต่ไตรมาส 3/2560
เปิด 10 โครงการ 1.5 หมื่นล. ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ภายในปี 2560-2561 และมีสต๊อกที่พร้อมขายมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม M Silom และ M Ladproa ส่วนยอดขายในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท พร้อมกับตั้งงบลงทุนในปีนี้อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ซื้อที่ดิน 3,000 ล้านบาท และใช้ในการก่อสร้างอีก 3,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ มีทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 2 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท, คอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท และอาคารสำนักงาน 1 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยโครงการทั้งหมดจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ทั้งหมด
เร่งอัพสัดส่วนรายได้ประจำ นอกจากนี้ตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้ที่เป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มเป็น 20% หรือมีรายได้ประจำเฉลี่ย 100 ล้านบาทต่อเดือน โดยการเพิ่มรายได้ประจำของบริษัทจะมาจากการขยายพื้นที่เช่าของโครงการอาคารสำนักงานภายในปี 2564 เพิ่มเป็น 150,000 ตร.ม.จากปัจจุบันมีพื้นที่เช่าอาคารสำนักงานอยู่ที่ 10,000 ตร.ม. ของโครงการ เมเจอร์ ทาวเวอร์ ซอยทองหล่อ 10 ที่มีอัตราการเช่าเต็ม 100% ที่ปัจจุบันสร้างรายได้ประจำเข้ามาประมาณ 8 ล้านบาทต่อเดือน
ส่วนการลงทุนอาคารสำนักงาน บริษัทวางแผนที่จะพัฒนาอย่างน้อย 1-2 โครงการต่อปี ซึ่งจะสามารถช่วยผลักดันให้มีจำนวนพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานแห่งใหม่พื้นที่เช่า 30,000 ตร.ม. ในย่านพระราม 9-รามคำแหง มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท โดยเฉพาะส่วนของอาคารสำนักงาน จะอยู่ภายในโครงการมิกซ์ยูส ที่มีโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่า 1,500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนตุลาคมนี้ และคาดว่าใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าโครงการระดับกลาง-บน จะเป็นโครงการที่ได้รับผลกระทบและมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจที่น้อยมาก ซึ่งแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี แต่ในแง่ของการตัดสินซื้อนั้น ไม่ได้ชะลอตัวตาม และปัจจุบันยังมีความต้องการที่จะซื้ออาศัยอยู่มาก อีกทั้งลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยมีการกู้ยืมสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่น้อยมาก โดยแทบจะไม่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเลย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น