เพซ ยันการเงินแข็งแกร่ง มั่นใจไม่มีปัญหาคืนหนี้ตั๋วบีอี เดินหน้าขายรับรายได้มหานคร
มั่นใจไม่มีปัญหาคืนหนี้ตั๋วบีอี เดินหน้าขายรับรายได้มหานคร
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งแม้จะมีหนี้อยู่ 19,000 ล้านบาท ขณะที่มีสินทรัพย์รวมราว 37,000 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมมูลหนี้ทั้งหมด โดยเป็นโครงการที่กำลังขายและรอรับรู้รายได้ ทั้งโครงการมหานครและโครงการมหาสมุทรที่หัวหิน ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ก่อสร้างเกือบเสร็จแล้ว โดยโครงการมหานครส่วนที่เป็นที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ขายไปแล้ว 75% อยู่ระหว่างทยอยโอน คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะรับรู้รายได้ราว 7,000 ล้านบาท ขณะที่โครงการมหาสมุทรที่หัวหินขายได้แล้ว 30% หรือ 1,400 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ ขณะที่โครงการนิมิตรหลังสวนซึ่งขายได้หมดแล้วและกำลังเริ่มก่อสร้าง คาดว่าจะโอนและรับรู้รายได้ปีหน้ามูลค่า 7,000 ล้านบาท
“ขณะนี้บริษัทมีโครงการที่ขายได้แล้วและกำลังรอโอนเพื่อรับรู้รายได้จาก 3 โครงการนี้รวม 15,400 ล้านบาท ยังไม่นับที่จะขายได้อีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือโครงการมหานคร 25% และโครงการมหาสมุทรอีก 70% โดยเดือนหน้าเพซและกลุ่มซิติคที่เข้ามาเป็นพันธมิตรกับบริษัทจะไปโรดโชว์และขายโครงการที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ โดยโครงการมหานครที่เหลือ 30% นั้น มีมูลค่าที่จะขายได้อีกราว 5,000 ล้านบาท และมหาสมุทรมีมูลค่าที่รอขายอีก 2,600 ล้านบาท ซึ่งคนจีนที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการลงทุนอสังหาฯระดับไฮเอนด์ในไทยจำนวนมาก เพราะราคายังถูกเมื่อเทียบกับราคาที่พักระดับไฮเอนด์ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และสิงคโปร์”
นายสรพจน์กล่าวต่อว่า นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับข่าวที่ออกมาว่า บริษัทจะมีปัญหาเรื่องตั๋วเงินระยะสั้น (บีอี) ที่จะหมดอายุปีนี้และปีหน้า เพราะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารไทยพาณิชย์หมดแล้ว โดยช่วงที่ผ่านมามีหลายบริษัทมีปัญหาผิดนัดชำระหนี้บีอี อาจทำให้นักลงทุนบางกลุ่มไม่มั่นใจ เพซจึงเลือกที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อรองรับการหมดอายุตั๋วบีอี ซึ่งไม่ได้ทำให้หนี้เพิ่มขึ้น เป็นเพียงการปรับโครงสร้างหนี้จากระยะสั้นเป็นยาวขึ้น และบริษัทก็ไม่มีความเสี่ยง เพราะเมื่อทยอยโอนรับรู้รายได้แล้วก็จะนำมาคืนหนี้ โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะลดหนี้ตั๋วบีอีที่มีอยู่ 4,000 ล้านบาท ให้เหลือน้อยกว่า 50% ทั้งนี้ หนี้ทั้งหมด 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตั๋วบีอี 4,000 ล้านบาท หุ้นกู้ 5,000 กว่าล้านบาท และเงินกู้สถาบันการเงินกว่า 9,000 ล้านบาท
“ขอยืนยัน 100% ว่า บริษัทจะไม่มีปัญหาคืนหนี้ตั๋วบีอีแน่นอน ขอให้นักลงทุนมั่นใจได้ ซึ่งนักลงทุนสถาบันหรือรายใหญ่ไม่ได้กังวลอะไร เพราะรู้ว่ามีโครงการสร้างเสร็จที่รอรับรู้รายได้มูลค่าสูงเกินหนี้เป็นเท่าตัวอยู่แล้ว”
สำหรับความร่วมมือกับบริษัท ซิติค คอนสตรัคชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กลุ่มทุนด้านการก่อสร้างและการเงินที่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีนนั้น ภายในไตรมาส 3 จะมีความชัดเจนขึ้นโดยซิติคมีแผนเข้ามาถือหุ้นเพซไม่เกิน 10% และเข้ามาช่วยก่อสร้างและให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในโครงการใหม่ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการเงินถูกลงกว่า 50%