กคช.ขานรับยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัยแห่งชาติ 20 ปี พัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย ปานกลาง 2.23 ล้านหน่วย ลงทุน 5 แสนล้าน

นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัยแห่งชาติระยะเวลา 20 ปี นับจากปี 2559 โดยให้ กคช.พัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงรายได้ปานกลาง บ้านพักสวัสดิการข้าราชการ บ้านสำหรับผู้สูงอายุ คอนโดมิเนียมบนที่ดินของรถไฟฟ้ามหานคร หรือ รฟม. รวมถึงโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยภาครัฐร่วมกับเอกชน หรือพีพีพี จำนวน 2.23 ล้านหน่วย ใช้เงินลงทุนรวม 5 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ เนื่องจากแผนยุทธศาสตร์เดิม 10 ปี (2559-2568) จะก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้ได้ 1.7 ล้านหน่วย ประเมินแล้วพบว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับดังกล่าวยังมีอยู่สูง แม้ว่าตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินกับกลุ่มผู้ซื้อบ้านของ กคช.ในช่วงที่ผ่านมาจะสูงถึง 40-50% ของผู้ที่ยื่นขอกู้ ซึ่ง กคช.ได้นำรูปแบบการเช่าซื้อมาใช้แก้ปัญหา หากในอนาคตความสามารถขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นจะเปลี่ยนให้ไปกู้แทน

ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างผลักดันให้เกิดกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย มูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงสินเชื่อได้ คาดว่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมในปี 2561

สำหรับปีงบประมาณ 2560 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2559-30 ก.ย. 2560 กคช.มียอดขาย 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงกว่าเป้า 40% ที่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่รายได้สามารถทำได้ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรทำได้ 840 ล้านบาท

ด้านแผนการฟื้นฟูชุมชนดินแดง ขณะนี้คอนโดมิเนียมในแปลงจี ก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 20% คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งมอบได้ในเดือน ส.ค. 2561 จำนวน 334 ยูนิต รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมแฟลตเคหะฯ 18-22

นายธัชพล กล่าวว่า ปี 2561 กคช.เตรียมจะจัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้บริหารชุมชนเพื่อร่วมวางแผน การอบรมแลกเปลี่ยนความรู้ และผลักดันเพื่อให้ชุมชน กคช.เป็นระเบียบมากขึ้น

ปัจจุบัน กคช.ได้ดำเนินงานในหลายจังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยเฉพาะเชียงใหม่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 โครงการ ได้แก่ เคหะชุมชน หนองหาร ระยะที่ 1 และ 2 เคหะชุมชนไนท์ซาฟารี ระยะที่ 1 และ 2 เคหะชุมชน สันผีเสื้อ และเคหะชุมชน สันกำแพง จากที่ผ่านมาพัฒนาแล้ว 12 ชุมชนกว่า 1.2 หมื่นหน่วย โดยเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับประชาชนทุกระดับรายได้ไม่ใช่เพียงผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อย