CHEWA แย้มไตรมาส 2/61 โต รับแรงหนุนบุ๊คโอน “ชีวาทัย เพชรเกษม 27” ปลาย พ.ค.นี้ โชว์ยอดพรีเซลกว่า 70% เตรียมงบซื้อที่ดินกว่า 3 พันล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 20% แตะ 2,400 ล้านบาท

นายภีมพล พวงเพชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2561 จะเติบโตได้ดี เนื่องจากมีโครงการ ชีวาทัย เพชรเกษม 27 ที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปลายเดือน พ.ค.นี้ ปัจจุบันมียอดขาย (Presale) แล้ว 70%

โดยในปี 2561 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 6,300 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการของบริษัท 6 โครงการ มูลค่า 5,870 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 2 โครงการ มูลค่า 430 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งงบซื้อที่ดิน จำนวน 6 แปลง ไว้ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินการซื้อไปแล้ว จำนวน 2 แปลง ซึ่งจะเน้นทำเลเขตใกล้เมืองและใกล้คมนาคมขนส่ง

สำหรับโครงการที่เปิดตัวในปี 2561 ได้แก่ 1.โครงการชีวาทัย เรสซิเด้นซ์ ซอยทองหล่อ 20 เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 155 ยูนิต มูลค่า 950 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2562 2.โครงการชีวาทัย เกษตร–นวมินทร์ เป็นคอนโดมิเนียมมิดไรส์ 15 ชั้น 480 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2563

3.โครงการฮอลล์มาร์ค จรัญ-สนิทวงศ์ ซอย 13 เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 159 ยูนิต มูลค่า 430 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/2562 4.โครงการ ชีวาวัน ปิ่นเกล้า–สาทร เป็นบ้านเดี่ยวลักชัวรี่ 51 หลัง มูลค่า 1,200 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1/2562

5.โครงการ ชีวาโฮม วงแหวน-ลำลูกกา เป็นทาวน์โฮม 275 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2561 6.โครงการชีวาโฮม ประชาอุทิศ–สุขสวัสดิ์ เป็นทาวน์โฮม 391 ยูนิต มูลค่า 890 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2561

รวมถึงโครงการร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 70% และคอนโดแมน 30% แบ่งเป็น 7.โครงการชีวา ฮาร์ท สุขุมวิท 62/1 เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น มูลค่า 160 ล้านบาท คาดว่าเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2561 และ 8.โครงการชีวา ฮาร์ท ทองหล่อ ซอย สุขุมวิท 36 มูลค่า 270 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2562

ด้านนางสาวสุนันทรา มหาประสิทธิ์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี กล่าวว่า บริษัทมั่นใจในปี 2561 จะมีรายได้เติบโต 20% หรือประมาณ 2,400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2560 พร้อมทั้งคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ระดับ 8-9% หลังในช่วงต้นปีมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น 2-3% ตามต้นทุนราคาที่ดิน และต้นทุนวัสดุก่อสร้าง

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ในปี 2561 ประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2561 มีการรับรู้รายได้ไปแล้ว 560 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/2651 และมีสินค้าเหลือขาย (สต๊อก) รวม 1,500-1,600 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นระบายสินค้าในช่วงครึ่งปีแรกเป็นหลัก