ธอส.เคาะขายบ้านคนจนหมื่นหลัง
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ธอส. วันที่ 24 ส.ค.นี้ จะเสนอให้พิจารณาโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยราคาถูกสำหรับ ผู้มีรายได้น้อย ผ่อนชำระไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท หากอนุมัติจะเสนอให้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง พิจารณาในเดือน ก.ย. และเสนอครม.ในเดือน ต.ค. คาดว่าระยะแรกผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ก่อน 9,000-10,000 หน่วยภายในสิ้นปีนี้
"ถ้า ครม.เห็นชอบ ธอส. ตามแผนที่คาดไว้ ก็จะเปิดให้ขอสินเชื่อได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งล่าสุดจากการคุยกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มีความสนใจร่วมโครงการนี้ กว่า 70,000-100,000 หลังแล้ว ในจำนวนนี้มีกว่า 10,000 ยูนิต ที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ทันที โดยในส่วนแรกจะเน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อน ย่านเดินทางไม่ลำบาก เช่น ย่านบางซ่อน เป็นต้น รวมทั้งพื้นที่ที่ผู้ประกอบการมีการขอรับสิทธิประโยชน์ จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในหลายพื้นที่ก็จะมาเข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย"
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ราคาที่อยู่อาศัย มีราคาไม่เกินหลังหรือห้องละ 1 ล้านบาท ให้กู้ระยะเวลา 40 ปี โดยการปล่อยสินเชื่อจะคิดดอกเบี้ยมีแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปี เฉลี่ยที่ 3% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด โดยเฉพาะช่วงนี้ที่อยู่ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้ผ่อนชำระ ประมาณ 3,800-4,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าต่ำกว่าการกู้ปกติ ที่ต้องผ่อนชำระล้านละ 5,700 บาทต่อเดือน
"ธอส.ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้ในโครงการบ้านล้านหลัง ระยะแรกจำนวน 5 หมื่นล้านบาท แต่ต้องเสนอกระทรวงการคลังอีกครั้ง เพราะมีบางส่วนต้องขอการจัดชั้นหนี้ของโครงการที่ทำตามนโยบายรัฐบาล หรือพีเอสเอ ส่วนแนวทางการพิจารณาปล่อยกู้ให้ผู้มีรายได้น้อย จะพิจารณาแบบผ่อนปรน เพราะหากเอารายละเอียด หรือบัญชีการเงินมากู้แบบคนปกติมาใช้ ค่อนข้างยาก จึงคิดว่าการวิเคราะห์สินเชื่อต้องเปลี่ยนไป อาจดูจากการจ่ายค่าเช่า ถ้าผู้มีรายได้น้อย หรือผู้กู้สามารถเอาหลักฐานการจ่ายค่าเช่าแต่ละเดือนมาว่าจ่ายตรงเวลาก็กู้ได้เลย และจะปล่อยกู้ 100% ไม่ต้องมีดาวน์"
ปัจจุบัน ธนาคารได้คุยกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายเล็ก ที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ประมาณ 4 ราย เพื่อให้ดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง โดยพบว่าปลายปี 61-64 จะมีบ้านในสต๊อกประมาณ 1 แสนหลัง แยกเป็นปลายปี 61 ประมาณ 9,000-10,000 ยูนิต และในปี 62-64 อีกประมาณ 90,000 ยูนิต