บ้านตากอากาศหรูแรงไม่ตก ทำเลเขาใหญ่ทะลัก1,200ยูนิต
Loading

บ้านตากอากาศหรูแรงไม่ตก ทำเลเขาใหญ่ทะลัก1,200ยูนิต

วันที่ : 20 สิงหาคม 2561
บ้านตากอากาศหรูแรงไม่ตก ทำเลเขาใหญ่ทะลัก1,200ยูนิต

สำรวจท็อป 5 บ้านตากอากาศ "ภูเก็ต-สมุย-พัทยา-หัวหิน-เขาใหญ่" ราคาแพงสุดหลังละ 400 ล้าน "เบคแฮม" ซุ่มซื้อหลังละ 300 ล้าน เขาใหญ่รอขาย 1,200 ยูนิต "ชาญอิสสระ" เล็งระดมทุนกองรีท 3,500 ล้าน ลงทุนเพิ่มภูเก็ต-พังงา

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลสำรวจตลาดบ้านพักตากอากาศในประเทศไทย ณ เดือนกรกฎาคม 2561 พบว่ามียูนิตอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 3,139 ยูนิต ขายแล้ว 67% 2,147 ยูนิต เหลือขาย 33% 1,044 ยูนิต สะท้อนให้เห็นดีมานด์ยังมีเข้ามาอยู่ตลอดเวลา โดยทำเลยอดนิยม 5 อันดับแรกอยู่ในพื้นที่ภูเก็ต, เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี), หัวหิน-ชะอำ (ประจวบคีรีขันธ์-เพชรบุรี), พัทยา (ชลบุรี) และเขาใหญ่ (นครราชสีมา)

ท็อป 5 มีทั้งภูเขา-ทะเล

ทั้งนี้ ภูเก็ตเป็นทำเลโดดเด่นที่สุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) โดยมียอดขายแล้ว 80% ของหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายในตลาด และเป็นพื้นที่ที่มีราคาขายสูงที่สุด ราคาขายเกินยูนิตละ 100 ล้านบาท มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 160 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บ้านตากอากาศในพื้นที่เขาใหญ่มีหน่วยอยู่ระหว่างขายมากที่สุดเกือบ 1,200 ยูนิต และเป็นพื้นที่ที่มีบ้านพักตากอากาศเหลือขายมากที่สุดเช่นกัน โดยมีหน่วยเหลือขาย 500 ยูนิต (ดูตารางประกอบ)

"ลูกค้าเป้าหมายหลักเน้นขายกลุ่ม นักธุรกิจ เศรษฐีทั้งชาวไทย-ชาวต่างชาติ ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่าง ๆ ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศไว้สำหรับพักผ่อนและเพื่อการลงทุน

สุดยอดโลเกชั่น "ไหล่เขา"

นายภัทรชัยกล่าวต่อว่า สำหรับราคา ยูนิตละ 100 ล้านบาทขึ้นไป จุดเน้นตั้งอยู่ ตามไหล่เขาเห็นวิวทะเล 180-360 องศา หรือเป็นบ้านพักตากอากาศติดชายหาดส่วนตัว บางโครงการในภูเก็ตมีราคาขายเกิน 1,000 ล้านบาทต่อยูนิตด้วยซ้ำ

ส่วนบ้านพักตากอากาศอีกประเภทที่พบมาก คือ วิลล่าที่ไม่ได้เห็นวิวทะเล หรือวิวเขา แต่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่ไกลจากทะเลหรือภูเขามาก เน้นดีไซน์เป็นพูลวิลล่า ชั้นเดียว ออกแบบตกแต่งอย่างประณีต ราคาขายอยู่ที่ 20-40 ล้านบาท มีดีมานด์จากลูกค้าต่างชาติตอบรับดีพอสมควร

ภูเก็ต-สมุยต่างชาติรุมตอม

สำหรับภาพรวมในจังหวัดภูเก็ตถือว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจมากสำหรับกลุ่มนักลงทุน เนื่องจากมีการปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 8-15% ในแต่ละปี หลายโครงการที่มีพื้นที่ ใช้สอย 1,500-3,200 ตารางเมตรนักธุรกิจ ที่มีชื่อเสียงให้ความสนใจซื้อบ้านพักตากอากาศที่ภูเก็ตเป็นจำนวนมาก ล่าสุด "ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์" เจ้าของธุรกิจสาหร่ายทอดกรอบแบรนด์เถ้าแก่น้อย ก็สนใจซื้อวิลล่าที่ภูเก็ตเช่นเดียวกัน

ตลาดในเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้ประกอบการสนใจพัฒนาบ้านพักตากอากาศจำนวนมาก โดยมีวิลล่าราคา 50 ล้านบาทมากกว่า 30 ยูนิต รวมมูลค่า 1,800 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการขาย ในขณะที่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงราคา 20-30 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าเกาะสมุย 100% เป็น ชาวอังกฤษ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส รัสเซีย

ทำเลที่กลุ่มเศรษฐีต่างชาติให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ หาดเชิงมน หาดเฉวง หาดบ่อผุด เนื่องจากมีแนวชายหาดที่สวยงาม ส่วนใหญ่เป็นวิลล่าตั้งอยู่บนเขาสามารถเห็นวิวทะเลได้ 360 องศา

"ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่า เดวิด เบคแฮม นักเตะซูเปอร์สตาร์คนดังชาวอังกฤษ สร้างบ้านมูลค่า 300 ล้านที่สมุย โดยซุ่มเงียบ ซื้อที่ดินแปลงงามย่านบ้านใต้ ขนาด 20 ไร่ โลเกชั่นตั้งอยู่บนเขาติดริมทะเล และมีชายหาดส่วนตัวที่สวยงามมาก"

หัวหิน-เขาใหญ่เศรษฐีไทยจอง

พื้นที่หัวหิน-ชะอำ-ปราณบุรี ซึ่งทำเลอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ที่ผ่านมาตลาดอยู่ในช่วง ชะลอตัว เนื่องจากราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโครงการโซนฝั่งภูเขา กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปโดยเฉพาะสแกนดิเนเวีย สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นิยมพื้นที่หัวหินฝั่งภูเขาและบริเวณซอยหัวหิน 112 ราคา 15-30 ล้านบาท

แบรนด์ที่น่าสนใจ คือ โครงการมหาสมุทร หัวหิน ของ บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ ราคา 35-80 ล้านบาท และบาบาบีช คลับ หัวหิน ของกลุ่มชาญอิสสระ ราคา 35-55 ล้านบาท ลูกค้าหลักคือเศรษฐี นักธุรกิจและบุคลากรทางการแพทย์จากกรุงเทพฯ

ส่วนตลาดเขาใหญ่นิยมซื้อเป็นบ้านตากอากาศหลังที่ 2 ลูกค้าเป็นกลุ่ม วัยกลางคนขึ้นไป ให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบค่อนข้างมาก

โครงการโดดเด่น ได้แก่ ทอสคานา วัลเล่ย์ ของบริษัท ทอสคานา วัลเล่ย์ จำกัด และเป็นพื้นที่แข่งขันสูง มีดีเวลอปเปอร์จากเมืองกรุงเข้าไปลงทุนจำนวนมาก อาทิ ค่ายแสนสิริ, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, ณุศาสิริ, แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น, ชาญอิสสระ, นายณ์ เอสเตท และกลุ่มสิงห์ ในนามบริษัทปิยะ อินเตอร์เนชั่นแนล

"พัทยา" คอนโดฯบูมมากกว่า

สำหรับตลาดบ้านพักตากอากาศพัทยาถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ที่อยู่ระหว่างการขายเป็นโครงการที่เปิดขาย หลายปีแล้ว เนื่องจากผู้ซื้อสนใจซื้อคอนโดมิเนียมมากกว่า และลูกค้าวิลล่าในพัทยาส่วนใหญ่เป็นต่างชาติที่เข้ามา อาศัยในประเทศไทยกับคนในพื้นที่

โครงการเปิดขายใหม่ในปี 2560 ที่น่าสนใจ คือ "แกรนด์ รีเจนท์ เฟส 3" จำนวน 15 หน่วย ราคา 18-30 ล้านบาท ทำเลติดโรงเรียนนานาชาติ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นอาจารย์ชาวต่างชาติต้องการที่พักใกล้เคียง รวมทั้งมีผู้ประกอบการจากภาคอีสานอย่าง บริษัท พงษ์พิทยา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดขายโครงการแกรนด์ วัลเลย์ พัทยา ทำเลสัตหีบใกล้เขาชีจรรย์ ตั้งแต่ปี 2556 มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท รองรับความต้องการลูกค้าครอบครัวที่ต้องการที่อยู่อาศัยย่านสัตหีบ ปัจจุบันมียอดขาย 50%

ชาญอิสสระเล็งลงทุนเพิ่ม

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลุ่มชาญอิสสระมีบ้านพักตากอากาศ 3 ทำเลที่ภูเก็ต เขาใหญ่ และหัวหิน-ชะอำ ได้แก่ บ้านสีตะวัน เขาใหญ่ ราคา 14-18 ล้านบาท 55 แปลง ที่ดินเริ่ม 100-242 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 238-296 ตารางเมตร ปัจจุบันเหลือขาย 20 แปลง, บาบาบีช หัวหิน ราคา 43-83 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 95-918 ตารางเมตร ปัจจุบันเหลือขายไม่มาก, บาบาบีช คลับ ภูเก็ต ราคา 30-180 ล้านบาท

"โครงการบ้านตากอากาศเราทำเยอะที่สุดในประเทศไทย ช่วงครึ่งปีแรกตลาดหัวหิน-ชะอำมีดีมานด์เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่หวือหวา คาดว่าครึ่งปีหลังตลาดน่าจะดีขึ้น"

นายสงกรานต์กล่าวด้วยว่า สำหรับตลาดภูเก็ตถือว่าเป็นทำเลร้อนแรงที่สุดของตลาดบ้านพักตากอากาศ โดยชาญอิสสระมีสถิติขายวิลล่าราคาสูงสุดหลังละ 320 ล้านบาท และเหลือขายไม่มาก ดังนั้นจึงมีแผนลงทุนเพิ่มในทำเลภูเก็ต พังงา แต่ทำเลไม่ใช่ไพรมแอเรียเหมือนเดิม จึงคาดว่าราคาสูงสุดอยู่ที่หลังละ 200 ล้านบาท

แผนธุรกิจจะระดมเงินผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือกอง REIT ปัจจุบันมีกองศรีพันวารีท ตั้งเป้าระดมทุนเพิ่ม 3,500 ล้านบาท โดยแบ่งยูนิตในโครงการบาบาบีช หัวหิน เข้าระดมทุนก่อน 500 ล้านบาทในปีนี้ สเต็ป ต่อไปในปี 2562 นำยูนิตในโครงการ บาบาบีช หัวหิน, พังงา (ร่วมทุนกับกลุ่มจุนฟาของจีน), ศรีพันวาในภูเก็ต บางส่วน ระดมทุนอีก 3,000 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนพัฒนาโครงการใน อนาคต

 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ