สถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครึ่งหลัง ปี 2567
วันที่ : 25 เมษายน 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายงานสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ของจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดมหาสารคาม จากการสำรวจ พบว่าสถานการณ์โดยรวมด้านการขายทุกจังหวัดที่ทำการสำรวจยังคงทรงตัว ยกเว้นในบางพื้นที่หรือบางทำเลที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ประเภทโครงการอาคารชุดและวิลล่า เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพจึงทำให้ยอดขายและอัตราดูดซับดีขึ้น โดยภาพรวมมีจำนวนอุปทานพร้อมขายจำนวนประมาณ 14,592 หน่วย มูลค่า 51,628 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 4,265 หน่วย มูลค่า 11,542 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 10,327 หน่วย มูลค่า 40,086 ล้านบาท มียอดขายได้ใหม่ 1,737 หน่วย ลดลงร้อยละ -21.5 มูลค่า 5,714 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -29.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขายได้ใหม่ที่เป็นบ้านแนวราบ 1,037 หน่วย มูลค่า 3,992 ล้านบาท และเป็นอาคารชุด 700 หน่วย มูลค่า 1,722 ล้านบาท โดยจังหวัดนครราชสีมามียอดขายได้ใหม่บ้านแนวราบสูงสุดจำนวน 372 หน่วย มูลค่า 1,482 ล้านบาท และจังหวัดขอนแก่นมียอดขายอาคารชุดสูงสุดที่ 366 หน่วย มีมูลค่าเพียง 781 ล้านบาท ขณะที่หน่วยเปิดตัวใหม่ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด มีจำนวนรวม 1,873 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 มูลค่า 5,625 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -42.9 ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ที่เป็นบ้านแนวราบ 697 หน่วย มูลค่า 2,925 ล้านบาท และเป็นอาคารชุด 1,176 หน่วย มูลค่า 2,673 ล้านบาท โดยจังหวัดขอนแก่นและอุดรธานีมีการเปิดขายโครงการใหม่ใกล้เคียงกัน บ้านแนวราบของขอนแก่นเปิดตัวใหม่ 301 หน่วย มูลค่า 978 ล้านบาท และอาคารชุด 309 หน่วย มูลค่า 702 ล้านบาท และอุดรธานีมีอาคารชุดเปิดตัวใหม่ 456 หน่วย มูลค่า 1,086 ล้าน ส่วนจังหวัดนครราชสีมาไม่มีการเปิดตัวอาคารชุดใหม่
จากการที่ภาพรวมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัดมีที่อยู่อาศัยเหลือขายในช่วงครึ่งหลังปี 2567 มีจำนวน 12,855 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 มูลค่า 45,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 (YoY) ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 9,290 หน่วย มูลค่า 36,094 ล้านบาท และเป็นโครงการอาคารชุด 3,565 หน่วย มูลค่า 9,820 ล้านบาท โดยจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีบ้านแนวราบเหลือขายสูงสุดถึง 4,147 หน่วย มูลค่า 16,222 ล้านบาท รองลงมาคือจังหวัดขอนแก่น มีจำนวน 2,780 หน่วย มูลค่า 11,606 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดขอนแก่นมีจำนวนหน่วยอาคารชุดเหลือขายสูงสุดจำนวน 2,223 หน่วย มูลค่า 4,713 ล้านบาท ในขณะที่จังหวัดนครราชสีมามีจำนวนอาคารชุดเหลือขายเพียง 741 หน่วยเท่านั้น แต่มีมูลค่าอาคารชุดเหลือขายสูงถึง 3,772 ล้านบาท
ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดนครราชสีมา จากผลสำรวจครึ่งหลังปี 2567 สำรวจในพื้นที่มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 5,313 หน่วย ลดลงร้อยละ -13.7 มูลค่า 21,756 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -17.4 โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 4,519 หน่วย มูลค่า 17,704 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 794 หน่วย มูลค่า 4,052 ล้านบาท โดยมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาด จำนวน 193 หน่วย ลดลงร้อยละ -73.3 มูลค่า 877 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -86.9 ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 425 หน่วย ลดลงร้อยละ -49.5 มูลค่า 1,762 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -57.7 โดยมีหน่วยเหลือขายจำนวน 4,888 หน่วย ลดลงร้อยละ -8.1 มูลค่า 19,994 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -9.8 เป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 4,147 หน่วย ลดลงร้อยละ -8.0 มูลค่า 16,222 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -8.8 เป็นโครงการอาคารชุดจำนวน 741 หน่วยลดลงร้อยละ -8.5 มูลค่า 3,772 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -14.0
จากการที่ภาพรวมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัดมีที่อยู่อาศัยเหลือขายในช่วงครึ่งหลังปี 2567 มีจำนวน 12,855 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 มูลค่า 45,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 (YoY) ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 9,290 หน่วย มูลค่า 36,094 ล้านบาท และเป็นโครงการอาคารชุด 3,565 หน่วย มูลค่า 9,820 ล้านบาท โดยจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีบ้านแนวราบเหลือขายสูงสุดถึง 4,147 หน่วย มูลค่า 16,222 ล้านบาท รองลงมาคือจังหวัดขอนแก่น มีจำนวน 2,780 หน่วย มูลค่า 11,606 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดขอนแก่นมีจำนวนหน่วยอาคารชุดเหลือขายสูงสุดจำนวน 2,223 หน่วย มูลค่า 4,713 ล้านบาท ในขณะที่จังหวัดนครราชสีมามีจำนวนอาคารชุดเหลือขายเพียง 741 หน่วยเท่านั้น แต่มีมูลค่าอาคารชุดเหลือขายสูงถึง 3,772 ล้านบาท
ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดนครราชสีมา จากผลสำรวจครึ่งหลังปี 2567 สำรวจในพื้นที่มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 5,313 หน่วย ลดลงร้อยละ -13.7 มูลค่า 21,756 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -17.4 โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 4,519 หน่วย มูลค่า 17,704 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 794 หน่วย มูลค่า 4,052 ล้านบาท โดยมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาด จำนวน 193 หน่วย ลดลงร้อยละ -73.3 มูลค่า 877 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -86.9 ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 425 หน่วย ลดลงร้อยละ -49.5 มูลค่า 1,762 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -57.7 โดยมีหน่วยเหลือขายจำนวน 4,888 หน่วย ลดลงร้อยละ -8.1 มูลค่า 19,994 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -9.8 เป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 4,147 หน่วย ลดลงร้อยละ -8.0 มูลค่า 16,222 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -8.8 เป็นโครงการอาคารชุดจำนวน 741 หน่วยลดลงร้อยละ -8.5 มูลค่า 3,772 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -14.0
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่
PRESS RELEASE อื่นๆ