อสังหาฯฝากการบ้าน 'รัฐบาล 4 เดือน' ลด ดบ. 2 สลึง-ฟรีโอนทุกราคา-ค้ำประกันสินเชื่อบ้าน
Loading

อสังหาฯฝากการบ้าน 'รัฐบาล 4 เดือน' ลด ดบ. 2 สลึง-ฟรีโอนทุกราคา-ค้ำประกันสินเชื่อบ้าน

วันที่ : 12 กันยายน 2568
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดประเด็นทันทีว่า ตอนนี้อยากได้เรื่อง Mortgage Insurance หรือ MI ซึ่งกำลังคุยค้างอยู่จากรัฐบาลเพื่อไทย ปัจจุบันภาคอสังหาฯมีปัญหา 2 ขา คือ ปัญหาที่ 1 ของ (ซัพพลาย) ขายไม่ได้ ยอดเปิดตัวใหม่บ้านและคอนโดฯเปิดลดต่ำลงมาก อยากให้มี MI มาเป็นตัวช่วย จุดโฟกัสอยู่ที่แบงก์เคยปล่อยกู้แต่ลูกค้าตกสกอร์ หรือเครดิตคาบเส้น ไม่ได้รับการอนุมัติ เสนอให้มีการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อให้แบงก์มีความมั่นใจมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย
    ผู้เขียน : เมตตา ทับทิม

    7 กันยายน 2568 หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย "อนุทิน ชาญวีรกูล" รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32

    ทีมเศรษฐกิจ-เชื่อมั่นมาเต็ม

    เริ่มจาก "ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต" นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เรื่องแรกเลย การเปลี่ยนแปลงรอบนี้ทำให้เกิดความเชื่อมั่น การฟอร์มคณะรัฐมนตรีเป็นการกลัดกระดุมเม็ดแรก โควตารัฐมนตรีคนนอกนั่งกระทรวงการคลัง พลังงาน การต่างประเทศ ได้คนมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์พร้อมสามารถทำงานได้เลย เป็นการสร้างความเชื่อมั่นทีมเศรษฐกิจค่อนข้างมาก และเป็นที่ยอมรับสามารถช่วยภาพลักษณ์รัฐบาลอนุทินได้อย่างดี ส่วนผู้ดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรีอื่น ๆ ส่วนใหญ่เป็นคนหน้าเดิม

    เรื่องที่สอง ด้วยเวลาที่จำกัด 4 เดือนในการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้เป็นการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเป็นโจทย์ท้าทายรัฐบาลอนุทิน ที่ต้องแสดงศักยภาพตัวเองเพื่อนำไปสู่โหมดการเลือกตั้งครั้งต่อไป เป็นผลดีกับประเทศชาติ ที่ภาคการเมืองสามารถขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

    โดยรัฐบาลอนุทินออกนโยบายชัดเจน 4 เรื่อง ในด้านเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ ซึ่งการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจที่มีรัฐมนตรีจากโควตาคนนอก และเป็นที่ยอมรับของวงการธุรกิจ, ด้านความมั่นคง เรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีรัฐมนตรีต่างประเทศที่เห็นท่าทางที่ดีจากการมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์การต่างประเทศดีมาก, ด้านภัยธรรมชาติ เกี่ยวกับระบบเตือนภัยต่าง ๆ และด้านสังคม ที่จะเข้ามาดูแลปัญหายาเสพติด พนันออนไลน์ สแกมเมอร์

    เบื้องต้น การสร้างความเชื่อมั่นของรัฐบาลอนุทินนี้ จะเป็น Quikc Win ที่ทำให้การฟื้นตัวคืนกลับมาได้ เพราะย่อมไม่เป็นการดีสำหรับรัฐบาลที่ไม่มีความเชื่อมั่นจะบริหารประเทศต่อ เป็นเรื่องยาก และวันนี้ภาคการเมืองได้เกิดความชัดเจนและเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

    สำหรับมุมของภาคอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่อยู่อาศัยยังเป็นเสาหลักต่อระบบเศรษฐกิจ มีผลต่อซัพพลายเชนเยอะมาก เห็นสัญญาณธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ออกมาแล้วว่า การผ่อนปรน LTV-Loan to Value (มาตรการบังคับเงินดาวน์แพงในการขอสินเชื่อซื้อบ้านหลัง 2-3 เป็นต้นไป) ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2/68 ดีขึ้น แต่กลุ่มตลาดกลาง-ล่าง ในระยะเวลาอันสั้น 4 เดือน จำเป็นต้องมีมาตรการ Quick Win เพื่อให้อสังหาฯพื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/68 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/67 ซึ่งยอดขายเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 10 ปี ปรากฏว่าไตรมาส 2/68 ต่ำกว่าไตรมาส 3/67 เสียอีก ดังนั้น จำเป็นต้องมีมาตรการที่เป็นยาแรง

    ส.คอนโดขอ 2 เรื่องเร่งด่วน

    สำหรับข้อเสนอของสมาคมคอนโดมี 2 ข้อ คือ

   1.มาตรการรัฐลดค่าโอน-จดจำนองบ้านและคอนโดมิเนียม ปัจจุบันจำกัดเพดานราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท เสนอให้ใช้กับทุกราคา โดยไม่ต้องมีเพดาน เพื่อกระตุ้นให้มีการซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วทั้งตลาด ในภาวะที่ภาพรวมตลาดตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยให้เป็นมาตรการระยะสั้นจนถึงสิ้นปีนี้ หรือ 31 ธันวาคม 2568 ก็ได้ หรือภายใน 4 เดือนของรัฐบาล ซึ่งจะไปประกอบกับการผ่อนปรน LTV ของแบงก์ชาติพอดี ทำให้อสังหาฯฟื้นตัวได้จริง

    2.การลดดอกเบี้ยผ่านการประชุม กนง. (กรรมการนโยบายการเงิน) ของแบงก์ชาติ ที่มีกำหนดประชุมภายในไตรมาส 4/68 ขอลดจำนวน 0.50 บาท หรือ 50 สตางค์ และให้มีการส่งผ่านไปยังดอกเบี้ยแบงก์เอกชนเต็มจำนวน เหมือนกับครั้งล่าสุดที่ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 บาท ภายใน 2 วัน แบงก์เอกชนทุกแบงก์มีการลดดอกเบี้ยที่แท้จริงให้เต็มจำนวน 0.25 บาท

    ในส่วนของการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้น "คนละครึ่ง" ที่รัฐบาลอนุทินเตรียมนำออกมาใช้ จะส่งผลในการกระตุ้นกำลังซื้อที่สอดคล้องกัน เพียงแต่งวดนี้ต้องคอนโทรลให้ถึงรากหญ้า อย่าให้ถึงโมเดิร์นเทรด แต่ให้ทั่วถึงพ่อค้าแม่ค้าแผงลอยอย่างแท้จริง

    ทั้งนี้ มาตรการเร่งด่วน 4 เดือนต้องย้ำว่าเป็นมาตรการเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ ซึ่งจะสอดคล้องกับทาง 3 สมาคมเตรียมจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 เพื่อกระตุ้นธุรกิจตัวเองเหมือนกัน ใช้งบประมาณของผู้ประกอบการ โดยงวดนี้สมาคมอาคารชุดไทยเป็นเจ้าภาพ ปรากฏว่าจำนวน 305 บูทเต็มแล้ว เราขยายเป็น 318 บูท เนื่องจากมีดีมานด์ผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมออกบูท นับเป็น Record High ในรอบ 5 ปีของการจัดงาน มั่นใจว่าจะมีการนำเสนอโปรโมชั่นยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อระบายสต๊อกให้มากที่สุด

    ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นออกมาพร้อมกัน จะสอดคล้องและเป็นโอกาสที่ทำให้คนเข้าถึงสินเชื่อได้มากที่สุด พอดีกับมาตรการ 4 เดือนของรัฐบาล เพื่อจะไปโอนกรรมสิทธิ์ภายในสิ้นปีนี้ หากรัฐบาลสนับสนุนจะถือว่าเพอร์เฟ็กต์พลอตในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนต่อจีดีพี 8-12% มีการจ้างงานในประเทศ 1 ล้านอัตรา มีผลต่อระบบซัพพลายเชนเพราะใช้โลคอลคอนเทนต์ (วัตถุดิบในประเทศ) มากถึง 90%

    โดยสรุป รัฐบาลอนุทินมองเป็นรัฐบาล 4 เดือนแห่งความท้าทาย และมีความหวัง เป็น 4 เดือนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

    เร่งทำค้ำประกันสินเชื่อบ้าน

    ถัดมา "พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์" นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดประเด็นทันทีว่า ตอนนี้อยากได้เรื่อง Mortgage Insurance หรือ MI ซึ่งกำลังคุยค้างอยู่จากรัฐบาลเพื่อไทย ปัจจุบันภาคอสังหาฯมีปัญหา 2 ขา คือ ปัญหาที่ 1 ของ (ซัพพลาย) ขายไม่ได้ ยอดเปิดตัวใหม่บ้านและคอนโดฯเปิดลดต่ำลงมาก อยากให้มี MI มาเป็นตัวช่วย จุดโฟกัสอยู่ที่แบงก์เคยปล่อยกู้แต่ลูกค้าตกสกอร์ หรือเครดิตคาบเส้น ไม่ได้รับการอนุมัติ เสนอให้มีการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อให้แบงก์มีความมั่นใจมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย

    วิธีการดำเนินการมีหลายแนวทาง สำหรับแนวทางแก้กฎหมายอาจทำไม่ทัน 4 เดือน แต่ก็มีแนวทางที่ทำได้เลยคือการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำควบคู่กับการลดดอกเบี้ยพบยังมีปัญหา ล่าสุดถึงแม้จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 บาท และแบงก์เอกชนมีการลดดอกเบี้ยแท้จริงให้เต็มจำนวน 0.25 บาท (ก่อนหน้านี้ ลดไม่เต็มจำนวน) ข้อเท็จจริงมีแต่อัตราประกาศลดดอกเบี้ย แต่แบงก์ยังคงเข้มงวดการพิจารณาสินเชื่อเหมือนเดิม ทำให้สินเชื่อรายย่อยก็มักจะกู้ไม่ผ่าน

    ปัญหาที่ 2 หนี้เสีย หรือ NPL มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะลูกค้าไม่มีปัญญาผ่อนหนี้บ้าน มีเคสเริ่มเยอะขึ้นก็คือลูกค้ากลัวโดนยึดบ้าน หันไปกู้นอกระบบมาโปะ แค่วิธีคิดก็น็อกแล้ว เพราะดอกเบี้ยบ้านเฉลี่ยปีละ 5% แต่ไปเอาดอกเบี้ยนอกระบบ 20% มาก็เรียบร้อย ไม่พอจะจ่ายแน่นอน สุดท้ายกลายเป็น NPL ข้อเสนอต้องนำลูกหนี้กลุ่มนี้มาปรับโครงสร้างหนี้ นำข้อมูลหนี้มากางบนโต๊ะเลยว่าติดหนี้ที่ไหนบ้าง ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำเคสให้เหลือผ่อนเดือนละ 1,000 บาทก็มี

    ทั้งนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าดอกเบี้ยนอกระบบจะคิดต้นคิดดอกยังไง การเก็บหนี้แต่ละเดือนมียอดดอกเบี้ยสูงต่ำไม่เท่ากัน แม้แต่ธนาคารในระบบก็ยังมีการเอาเปรียบลูกค้า เช่น อยู่ดี ๆ เดี๋ยวปรับขึ้น ลูกค้าได้แต่จ่ายหนี้อย่างเดียว ข้อเสนอให้หยุดหนี้บ้านเหมือนกับหยุดหนี้ กยศ. (กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา) ไว้ก่อน มานั่งหาวิธีปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนใหญ่เป็นหนี้เก่า (ลูกหนี้ในระบบ) ตัวอย่างการแก้หนี้ด้วยการตั้ง AMC มาซื้อหนี้ที่กำลังจะเป็นหนี้เสียมาปรับโครงสร้างใหม่

    ถามว่าเยอะไหม… หนี้เสียกับหนี้ SM-Special Mention (หนี้สงสัยจะเสีย) รวมกันอยู่ที่ 5 ล้านล้านบาท ภาวะปัจจุบันหนี้มากระจุกที่ ธอส. เคยมีมาร์เก็ตแชร์ 20% โดยเฉลี่ย แต่ปี 2568 นี้เพิ่มสัดส่วนเป็น 50% สาเหตุเพราะ ธอส.ปล่อยสินเชื่อเท่าเดิม แต่ตลาดรวมที่แบงก์เอกชนไม่ปล่อยสินเชื่อ ทำให้ ธอส.มีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 50% ดังกล่าว แต่ดูความเป็นจริงแล้ว สินเชื่อ (ในระบบ) ไม่พอ ถ้าแบงก์พาณิชย์ไม่ปล่อย แบงก์รัฐ เช่น ธอส. แบงก์ออมสิน ควรจะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพราะกดดันให้แบงก์เอกชนรู้สึกว่าจะเสียส่วนแบ่งตลาด และยอมปล่อยสินเชื่อออกมามากขึ้น

    แนะสร้างรั้วถาวรชายแดน

    ฟินาเล่กับ "สุนทร สถาพร" นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรระบุว่า รัฐบาลอนุทินแม้จะมีการทำ MOA ทางการเมืองที่จะต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน แต่เวลาเท่านี้มีโอกาสสร้างผลงานได้ และการดึงมืออาชีพคนนอกเข้ามาเพิ่มความเชื่อมั่น มองว่าเป็นข้อดี 1.เพิ่มความเชื่อมั่น 2.คุณอนุทินมีประสบการณ์โชกโชนผ่านการบริหารหลายกระทรวง สามารถทำงานได้เลย สานต่อและเดินหน้าได้เลย นอกจากนี้ นายกฯอนุทินยังมีจุดเด่นประนีประนอม ทำให้การสานต่อโครงการเดิมที่ทำได้ดี ก็เอามาสานต่อด้วย จะทำให้โครงการเกิดความต่อเนื่องได้

    จุดที่ควรระมัดระวัง 1.โครงการไหนไม่ดีควรตัดทิ้ง อย่าปล่อยให้คาราคาซัง เช่น กาสิโนคอมเพล็กซ์ และเพิ่มโครงการดี ๆ ควรสานต่อ เช่น คุณสู้เราช่วย เรื่องที่ดีในการปรับโครงสร้าง ไม่ให้เป็น NPL ไม่ว่าหนี้บ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต มาแก้ไข เพื่อไม่ให้หนี้เสียเกิน 18% หรือมากกว่านั้น

    2.สานต่อมาตรการคนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจ 3.สายต่อภาษี Negative Income Tax ใครที่เงินเดือน 3,000 บาท ไม่ไหวแน่ ๆ รัฐบาลก็ช่วย ลดความเหลื่อมล้ำด้วยการใช้มาตรการภาษี จะได้ไม่ต้องใช้งบประมาณมาหว่านใช้

    เรื่องเร่งด่วนน่าจะมี 2 เรื่อง 1.ชายแดนไทย-กัมพูชา จะสงบต่อเมื่อปักปันเขตแดน สร้างรั้วให้ชัดเจนหยุดการรุกล้ำในอนาคต มีรั้วกำแพงถาวรเมื่อไหร่ค่อยเปิดด่านมีการค้าขายชายแดน เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าได้ในภายหลัง เรื่องการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศก็จะตามมา

    2.ทำยังไงอย่าให้จีดีพีไทยตกต่ำกว่านี้ ทาง TDRI-สถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ประเมินไว้ 2-2.5% ปี 2569 กังวลอาจจะเหลือ 2% หรือต่ำกว่า 2% จึงต้องเร่งหาตลาดใหม่ทดแทน เพื่อแก้ปัญหาภาษีทรัมป์ ทำให้ตลาดส่งออกอเมริกาหดตัว

     "Mortgage Guarantee"

    ในภาคอสังหาฯ อยากให้สานต่อ 1.Mortgage Insurance หรือจะเรียกว่า Mortgage Guarantee ก็ได้ เพราะปัญหาใหญ่ตอนนี้คือลูกค้าถูกแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อหรือกู้ไม่ผ่าน แต่ยังมีดีมานด์อยากได้ที่อยู่อาศัยอยู่ ยื่นขอกู้ 100 ราย แต่ปฏิเสธ 40 ราย เหลือโอนแค่ 60 ราย ทำให้ตลาดหดตัวรุนแรง ดังนั้นจึงต้องหาทางทำยังไงให้สถาบันการเงินขยายสินเชื่อ ยอมปล่อยกู้ จึงนำเสนอกลไก Mortgage Guarantee กลไกการค้ำประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย

    สมาคมบ้านจัดสรรไม่ได้คาดหวังว่ายอดกู้ไม่ผ่าน 40% จะกลับมาทั้งหมด แต่อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง หรือ 20% ล่าสุด ไปพบ "สิทธิกร ดิเรกสุนทร" กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ซึ่งได้มีการรับลูกและบอกว่าเข้าโปรแกรม Quick Win สามารถเริ่มได้เลย โดยสแกนปัญหากู้ไม่ผ่าน 40% พบว่ามี 2 กลุ่มใหญ่ 1.กลุ่มอาชีพอิสระ รายได้เข้าไม่ประจำสม่ำเสมอ เป็นยูทูบเบอร์ขายของอาจขายผลไม้ออนไลน์ที่มีซีซันนอล เช่น ทุเรียนขายก่อนหมดหน้าฝน หรือเงินค่าทำงานล่วงเวลาหรือโอที ไม่สม่ำเสมอ อยากให้ได้รับการพิจารณาสินเชื่อ

    2.กลุ่มตกสกอร์ด้วยเหตุผลอื่น ๆ เช่น เพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ หนี้บัตรเครดิตนิดหน่อย หลัก 100-1,000 บาทก็โดนเครดิตบูโรแล้ว หรือทำงานในบริษัทที่ขาดทุน ซึ่งกิจการเป็นเรื่องปกติที่มีกำไรขาดทุน ตราบใดที่แคชโฟลว์ยังดีอยู่ พนักงานควรได้รับสิทธิในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ

    ทั้ง 2 กลุ่มปัญหาเป็นที่มาของการให้ความมั่นใจกับแบงก์ผ่าน MI ประเภทตกสกอริ่งสีดำเราไม่ต้องการไปขัดกับหลักการ Responsible Lending ของแบงก์ชาติ แต่เราต้องการคนที่เหมาะสมที่จะได้รับสินเชื่อ ก็อยากผลักดันคน 2 กลุ่มนี้ก่อน โดย บสย.รับลูกค้าควิกวินได้เลย กลุ่มอาชีพอิสระทาง บสย.จะค้ำประกันให้เลยสำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออาคารพาณิชย์ โฮมออฟฟิศ เพราะอสังหาฯเหล่านี้สร้างรายได้กลับมา ในวงเงิน 20% ของมูลค่าอสังหาฯ เวลา 3-5 ปี สำหรับวงเงินไม่เกิน 7 ล้านบาท

    คำว่าอสังหาฯสร้างรายได้สามารถขยายผลรวมถึงบ้านและคอนโดฯได้ เพราะพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน หรือ WFH อยู่ที่คอนโดฯสามารถไลฟ์ขายของ ซึ่งจะขยายไปทีละขั้น แต่เบื้องต้นเริ่มจากอาคารพาณิชย์กับโฮมออฟฟิศก่อน โดยต้องการผลักดัน Mortgage Insurance หรือ Mortgage Guarantee ให้ได้โดยเร็วที่สุด

    ทรัพย์อิงสิทธิเช่า 60-70 ปี

    ถัดมา อยากให้พิจารณาเรื่องทรัพย์อิงสิทธิ เราไม่ขายบ้านพร้อมที่ดินโดยที่มีการตั้งบริษัทนอมินีแล้วมาซื้อ วิธีการอยากขยายเวลา พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย บางพื้นที่ขายบ้านพร้อมที่ดิน กับเช่าระยะยาว 80-90 ปี

    มุมมองของสมาคมบ้านจัดสรร เราเป็นเจ้าของที่ดิน คนไทยเป็นแลนด์ลอร์ด ยิ่งสั้นยิ่งดี แต่ถ้าสั้นเกินไปก็แข่งขันไม่ได้ ต้องมีจุดสมดุล เราไม่จำเป็นต้องไปให้ระยะยาว 80-90 ปี เพราะไทยมีจุดเด่นเรื่องค่าครองชีพต่ำ คุณภาพชีวิตสูง การแพทย์ดี กินหมูได้ กลางคืนกินเหล้าได้ เป็นจุดเด่นที่ชนะเพื่อนบ้านอยู่แล้ว สรุป จุดสมดุลการเช่าระยะยาวที่แข่งขันได้ควรอยู่ที่ 60-70 ปี ทำให้แข่งขันได้แล้ว ส่วนจะใช้วิธีการสัญญา 30+30 ปี หรือ 50+20 ปี ก็แล้วแต่

    เทียบกับการเช่าระยะยาวของพาณิชยกรรมกับอุตสาหกรรม อาจต้องระยะยาวถึง 80-90 ปี ถึงจะแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ รวมทั้งอินฟราสตรักเจอร์ที่ใช้เงินลงทุนสูงมาก ๆ เช่น รถไฟความเร็วสูง การทำเกาะสร้อยไข่มุก ฯลฯ อาจต้องให้ยาวถึง 80-90 ปี

    ทั้งนี้ ที่อยู่อาศัยไม่ได้ต้องการให้เช่ายาว 99 ปี เหมือนพาณิชยกรรมกับอุตสาหกรรม ควรให้เวลาเช่ายาว 60-70 ปี ก็น่าจะดึงดูดและแข่งขันได้ และพอเพียงแล้ว ยิ่งสั้นยิ่งดี เพราะจะได้ Renew ในอนาคต ลูกหลานรอบต่อสัญญาใหม่จะได้มูลค่าดี ๆ และถ้าผู้เช่านิสัยไม่ดี ปล่อยน้ำเสีย โรงงานสร้างมลพิษ ก็ไม่ต้องต่อสัญญา

    โดยสรุปสมาคมเสนอผลักดันนโยบายสำคัญในเรื่องการค้ำประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย กับเรื่องกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ

    และอยากให้สร้างรัฐบาลแห่งความเชื่อมั่น ซึ่งเวลา 4 เดือนทำอะไรได้เยอะ แม้แต่วันเดียวก็สร้างให้เป็นรัฐบาลที่ทำเพื่อประชาชนได้
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ