SCGD ปักหมุดเวียดนาม เจาะ 3 ตลาดส่งออกใหม่ เร่งขยายกำลังการผลิต
วันที่ : 21 สิงหาคม 2568
SCGD หนุนเวียดนามเป็นฐานส่งออกหลัก พร้อมเปิดตลาดส่งออกใหม่ในสิงคโปร์ เม็กซิโก และสาธารณรัฐเช็ก รวมถึงขยายกำลังการผลิต เดินหน้าขยายพอร์ตสินค้ามูลค่าเพิ่ม ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน รับความผันผวนตลาดโลก
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เปิดเผยว่า แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ตลาดเวียดนามยังคงฟื้นตัวดีจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และความต้องการภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ขณะที่ในประเทศไทย แม้จะมีความท้าทายจากฤดูกาลหยุดยาว และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง บริษัทยังคงมุ่งมั่นขยายฐานลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทยังวางกลยุทธ์สำคัญ 4 ด้าน เพื่อผลักดันการเติบโต ได้แก่ 1.หนุนเวียดนามเป็นฐานส่งออกหลัก พร้อมเปิดตลาดส่งออกใหม่ในสิงคโปร์ เม็กซิโก และสาธารณรัฐเช็ก, 2.ขยายกำลังการผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนในเวียดนามเพิ่ม 5 ล้านตารางเมตรในปี 2568 หรือคิดเป็น 25% ของกำลังผลิตรวม, 3.เพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าในไทยที่มีราคาต้นทุนแข่งขันได้ โดยครึ่งปีแรกมียอดขายเพิ่มขึ้น 37% โดยเป็นสินค้ากลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 4.ขยายพอร์ตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูงในปี 2568 เป็น 37% จากปีก่อน 34%
นอกจากนี้ ยังเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ด้วยการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ และ Biomass ลดต้นทุนพลังงานได้ 36 ล้านบาทต่อปี พร้อมลดต้นทุนวัตถุดิบ 30 ล้านบาท และปรับโครงสร้างธุรกิจลดเงินทุนหมุนเวียนได้ 140 ล้านบาทต่อปี รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
ด้านความคืบหน้าการเติบโต 2 เท่าด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ โดยเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเป็น 177 ราย มียอดขายต่างประเทศ 244 ล้านบาท อีกทั้งมีการศึกษาโอกาสตลาดสุขภัณฑ์อัจฉริยะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, 2.ขยายยอดขายสินค้ากลุ่ม Decor surface โดย SPC เติบโต 39% และ 3.ขยายธุรกิจสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่องในไทย มียอดขายครึ่งปีแรก 208 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน
“SCGD มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดเพียงพอ และเพื่อแสดงความมั่นใจในการเติบโต จึงประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มเป็น 0.15 บาทต่อหุ้น เพื่อดูแลผู้ถือหุ้นในช่วงเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวน” นายนำพล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังวางกลยุทธ์สำคัญ 4 ด้าน เพื่อผลักดันการเติบโต ได้แก่ 1.หนุนเวียดนามเป็นฐานส่งออกหลัก พร้อมเปิดตลาดส่งออกใหม่ในสิงคโปร์ เม็กซิโก และสาธารณรัฐเช็ก, 2.ขยายกำลังการผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนในเวียดนามเพิ่ม 5 ล้านตารางเมตรในปี 2568 หรือคิดเป็น 25% ของกำลังผลิตรวม, 3.เพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าในไทยที่มีราคาต้นทุนแข่งขันได้ โดยครึ่งปีแรกมียอดขายเพิ่มขึ้น 37% โดยเป็นสินค้ากลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 4.ขยายพอร์ตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูงในปี 2568 เป็น 37% จากปีก่อน 34%
นอกจากนี้ ยังเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ด้วยการลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ และ Biomass ลดต้นทุนพลังงานได้ 36 ล้านบาทต่อปี พร้อมลดต้นทุนวัตถุดิบ 30 ล้านบาท และปรับโครงสร้างธุรกิจลดเงินทุนหมุนเวียนได้ 140 ล้านบาทต่อปี รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
ด้านความคืบหน้าการเติบโต 2 เท่าด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ โดยเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเป็น 177 ราย มียอดขายต่างประเทศ 244 ล้านบาท อีกทั้งมีการศึกษาโอกาสตลาดสุขภัณฑ์อัจฉริยะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, 2.ขยายยอดขายสินค้ากลุ่ม Decor surface โดย SPC เติบโต 39% และ 3.ขยายธุรกิจสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่องในไทย มียอดขายครึ่งปีแรก 208 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน
“SCGD มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดเพียงพอ และเพื่อแสดงความมั่นใจในการเติบโต จึงประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มเป็น 0.15 บาทต่อหุ้น เพื่อดูแลผู้ถือหุ้นในช่วงเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวน” นายนำพล กล่าว
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ