ฝ่าวิกฤตซ้อน! ธุรกิจ รับสร้างบ้าน สั่นคลอนขาดแรงงาน
วันที่ : 21 สิงหาคม 2568
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า แรงงานต่างด้าวในภาคก่อสร้างของไทยมีสัดส่วนหลัก 3 ชาติ ได้แก่ แรงงานเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% รองลงมาคือแรงงานกัมพูชา 30% และแรงงานลาว 10% จากสัดส่วนดังกล่าวทำให้เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา และทำให้แรงงานตัดสินใจเดินทางกลับประเทศอย่างกะทันหัน จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น
ความขัดแย้งชายแดนส่งผลแรงงานกัมพชากลับประเทศ กระทบธุรกิจรับสร้างบ้านใช้แรงงานกัมพชาถึง 30% นายกสมาคมเผยต้องหาทางรอดแรงงานทดแทน
ตลาดรับสร้างบ้านไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ซับซ้อนและหนักหน่วง โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรม ทั้งแรงงานไร้ฝีมือที่เผชิญภาวะวิกฤตจากสถานการณ์ความขัดแย้ง และแรงงานฝีมือที่ต้องอาศัยการยกระดับคุณภาพจากภายใน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยลบและฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจรับสร้างบ้านก็ยังคงอยู่ในภาวะที่เหนื่อยและท้าทายอย่างยิ่ง แม้สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) จะคาดการณ์ว่าตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 จะพลิกฟื้นจากภาวะติดลบได้ แต่ปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือ "วิกฤตแรงงาน" ที่ส่งแรงกระเพื่อมต่อรากฐานของธุรกิจอย่างเงียบๆ และต่อเนื่อง
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า แรงงานต่างด้าวในภาคก่อสร้างของไทยมีสัดส่วนหลัก 3 ชาติ ได้แก่ แรงงานเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% รองลงมาคือแรงงานกัมพูชา 30% และแรงงานลาว 10% จากสัดส่วนดังกล่าวทำให้เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา และทำให้แรงงานตัดสินใจเดินทางกลับประเทศอย่างกะทันหัน จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น แต่คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้จะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากบริษัทรับสร้างบ้านแต่ละแห่งต่างมีวิธีรับมือโดยปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอ
ทั้งนี้ การขาดหายไปของแรงงานกัมพูชาถึง 30% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พบการใช้แรงงานกลุ่มนี้เป็นจำนวนมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะแรกคือ ทำให้เกิดความล่าช้าในงานก่อสร้างในบางส่วนของโครงการ และอาจส่งผลให้ต้องยืดระยะเวลาในการโอนบ้านออกไปบ้าง แต่ด้วยการปรับตัวอย่างรวดเร็วของภาคธุรกิจ สถานการณ์จึงเริ่มกลับมาดีขึ้นได้ในที่สุด
เมื่อถูกถามถึงวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นายอนันต์กรชี้ว่า วิธีการแรกคือการสร้างความเข้าใจกับช่างและแรงงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาแรงงานชาติอื่นเข้ามาทดแทนเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงแรงงานไทยให้เข้ามามีส่วนร่วมในภาคการก่อสร้างมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน
นอกจากปัญหาแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศแล้ว ก่อนหน้านี้ในครึ่งปีแรกวงการรับสร้างบ้านได้เผชิญเผชิญกับปัญหาอีกประการหนึ่ง นั่นคือปัญหา "แรงงานฝีมือขาดแคลน" โดยเฉพาะแรงงานฝีมือที่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและบริษัทรับสร้างบ้านแต่ละแห่งก็ยังคงดำเนินการฝึกอบรมเพื่อสร้างแรงงานฝีมือของตนเองมาโดยตลอด
แม้นายอนันต์กรจะกล่าวว่า โดยพื้นฐานแล้วแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่มีฝีมือใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างและเป็นจุดแข็งของแต่ละบริษัทรับสร้างบ้านคือ "วิธีการฝึกฝนและควบคุมจัดการแรงงาน" ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่มีกระบวนการฝึกอบรมที่ดีกว่า จะสามารถยกระดับฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพสูงกว่าคู่แข่ง ปัญหานี้จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละบริษัทต้องเร่งแก้ไขด้วยตัวเอง
สำหรับประเด็นเรื่องค่าแรง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในต้นทุนการก่อสร้าง นายอนันต์กรกล่าวว่า ค่าแรงในธุรกิจรับสร้างบ้านของบริษัทใหญ่ๆ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของต้นทุนทั้งหมด และโดยปกติแล้วค่าจ้างแรงงานของบริษัทเหล่านี้จะสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปอยู่แล้ว เช่น ค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปอยู่ที่ 300-350 บาท แต่ค่าจ้างจริงอาจเกิน 350 บาทไปแล้ว ดังนั้น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจึงไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนค่าบ้านมากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้ต้นทุนด้านค่าแรงจะไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น แต่ปัจจัยเรื่องต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด ต่างหากที่เป็นแรงกดดันให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนมหาศาล ในภาวะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่สูงมากนัก ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องตรึงราคาไว้ เพราะหากปรับราคาขึ้นในทันที อาจส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไป
โดยภาพรวมแล้ว แม้การเดินทางกลับประเทศของแรงงานกัมพูชาจะส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่ปัญหาขาดแคลนแรงงานยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเร่งหาทางออกอย่างยั่งยืน โดยสมาคมฯคาดกว่าปัญหานี้จะยังคงไม่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้ การสร้างมาตรการเพื่อรองรับการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ และการยกระดับฝีมือแรงงานไทยเพื่อเป็นกำลังสำคัญในอนาคต การปรับตัวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ธุรกิจรอดพ้นจากวิกฤต แต่ยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมในระยะยาวด้วย ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าในห้วงเวลาที่ตลาดรับสร้างบ้านกำลังมองหาโอกาสในการฟื้นตัว
"ภาคก่อสร้างของไทยมีสัดส่วนหลัก 3 ชาติ ได้แก่ แรงงานเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% รองลงมาคือแรงงานกัมพูชา 30% และแรงงานลาว 10%"
ตลาดรับสร้างบ้านไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ซับซ้อนและหนักหน่วง โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรม ทั้งแรงงานไร้ฝีมือที่เผชิญภาวะวิกฤตจากสถานการณ์ความขัดแย้ง และแรงงานฝีมือที่ต้องอาศัยการยกระดับคุณภาพจากภายใน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยลบและฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจรับสร้างบ้านก็ยังคงอยู่ในภาวะที่เหนื่อยและท้าทายอย่างยิ่ง แม้สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) จะคาดการณ์ว่าตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 จะพลิกฟื้นจากภาวะติดลบได้ แต่ปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือ "วิกฤตแรงงาน" ที่ส่งแรงกระเพื่อมต่อรากฐานของธุรกิจอย่างเงียบๆ และต่อเนื่อง
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า แรงงานต่างด้าวในภาคก่อสร้างของไทยมีสัดส่วนหลัก 3 ชาติ ได้แก่ แรงงานเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% รองลงมาคือแรงงานกัมพูชา 30% และแรงงานลาว 10% จากสัดส่วนดังกล่าวทำให้เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา และทำให้แรงงานตัดสินใจเดินทางกลับประเทศอย่างกะทันหัน จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น แต่คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้จะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากบริษัทรับสร้างบ้านแต่ละแห่งต่างมีวิธีรับมือโดยปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอ
ทั้งนี้ การขาดหายไปของแรงงานกัมพูชาถึง 30% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พบการใช้แรงงานกลุ่มนี้เป็นจำนวนมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะแรกคือ ทำให้เกิดความล่าช้าในงานก่อสร้างในบางส่วนของโครงการ และอาจส่งผลให้ต้องยืดระยะเวลาในการโอนบ้านออกไปบ้าง แต่ด้วยการปรับตัวอย่างรวดเร็วของภาคธุรกิจ สถานการณ์จึงเริ่มกลับมาดีขึ้นได้ในที่สุด
เมื่อถูกถามถึงวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นายอนันต์กรชี้ว่า วิธีการแรกคือการสร้างความเข้าใจกับช่างและแรงงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาแรงงานชาติอื่นเข้ามาทดแทนเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงแรงงานไทยให้เข้ามามีส่วนร่วมในภาคการก่อสร้างมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน
นอกจากปัญหาแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศแล้ว ก่อนหน้านี้ในครึ่งปีแรกวงการรับสร้างบ้านได้เผชิญเผชิญกับปัญหาอีกประการหนึ่ง นั่นคือปัญหา "แรงงานฝีมือขาดแคลน" โดยเฉพาะแรงงานฝีมือที่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและบริษัทรับสร้างบ้านแต่ละแห่งก็ยังคงดำเนินการฝึกอบรมเพื่อสร้างแรงงานฝีมือของตนเองมาโดยตลอด
แม้นายอนันต์กรจะกล่าวว่า โดยพื้นฐานแล้วแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่มีฝีมือใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างและเป็นจุดแข็งของแต่ละบริษัทรับสร้างบ้านคือ "วิธีการฝึกฝนและควบคุมจัดการแรงงาน" ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่มีกระบวนการฝึกอบรมที่ดีกว่า จะสามารถยกระดับฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพสูงกว่าคู่แข่ง ปัญหานี้จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละบริษัทต้องเร่งแก้ไขด้วยตัวเอง
สำหรับประเด็นเรื่องค่าแรง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในต้นทุนการก่อสร้าง นายอนันต์กรกล่าวว่า ค่าแรงในธุรกิจรับสร้างบ้านของบริษัทใหญ่ๆ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของต้นทุนทั้งหมด และโดยปกติแล้วค่าจ้างแรงงานของบริษัทเหล่านี้จะสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปอยู่แล้ว เช่น ค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปอยู่ที่ 300-350 บาท แต่ค่าจ้างจริงอาจเกิน 350 บาทไปแล้ว ดังนั้น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจึงไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนค่าบ้านมากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้ต้นทุนด้านค่าแรงจะไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น แต่ปัจจัยเรื่องต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด ต่างหากที่เป็นแรงกดดันให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนมหาศาล ในภาวะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่สูงมากนัก ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องตรึงราคาไว้ เพราะหากปรับราคาขึ้นในทันที อาจส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไป
โดยภาพรวมแล้ว แม้การเดินทางกลับประเทศของแรงงานกัมพูชาจะส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่ปัญหาขาดแคลนแรงงานยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเร่งหาทางออกอย่างยั่งยืน โดยสมาคมฯคาดกว่าปัญหานี้จะยังคงไม่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้ การสร้างมาตรการเพื่อรองรับการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ และการยกระดับฝีมือแรงงานไทยเพื่อเป็นกำลังสำคัญในอนาคต การปรับตัวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ธุรกิจรอดพ้นจากวิกฤต แต่ยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมในระยะยาวด้วย ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าในห้วงเวลาที่ตลาดรับสร้างบ้านกำลังมองหาโอกาสในการฟื้นตัว
"ภาคก่อสร้างของไทยมีสัดส่วนหลัก 3 ชาติ ได้แก่ แรงงานเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% รองลงมาคือแรงงานกัมพูชา 30% และแรงงานลาว 10%"
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ