STECH รุกขยายฐานรุกโปรเจ็กต์ภาคใต้รับดีมานด์ครึ่งหลัง
วันที่ : 19 สิงหาคม 2568
STECH รุก ขยายฐานผลิตภาคใต้ผ่านบริษัทย่อย "วังคอนกรีต" รองรับเมกะโปรเจ็กต์ ที่รอเปิดตัวอีกหลายโครงการ มั่นใจครึ่งปีหลังยังโตต่อเนื่อง หนุนจากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและความต้องการก่อสร้างที่ฟื้นตัว โดยปัจจุบันมี Backlog สะสมอยู่ที่ 700 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ที่มีจุดเด่นโรงงานผลิตลวดใช้กระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 100.64 ล้านบาท ถึง 51.91% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 66.25 ล้านบาท เช่นเดียวกับรายได้จากการขายและบริการทำได้ 1,201.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนถึง 19.95%
สนับสนุนให้อัตรากำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกเพิ่มขึ้นเป็น 8.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.31% และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 13.02% จากเดิม 9.31% อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.03 เท่า จากเดิม 1.26 เท่า
นายเจษฎ์กรณ์ มงคลศรีสวัสดิ กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและการขาย กล่าวว่าการเข้าลงทุนในบริษัทคอนกรีต จำกัด เพื่อรองรับตลาดทางภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทยังไม่มีโรงงาน อีกทั้งเล็งเห็นว่าเป็นการเพิ่มช่องทางสำหรับการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการบริษัท STECH มีมติการประชุมให้มีการเพิ่มทุนในบริษัทย่อย คือ บริษัท วังคอนกรีต จำกัด อีก 10,000 หุ้น หลังจากการเพิ่มทุนจะมีหุ้นสามัญทั้งหมด 30,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท โดยบริษัทยังมีสัดส่วนการถือหุ้น 100% สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
มั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทยังสามารถเติบโตได้ดี จากปัจจุบันมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 700 ล้านบาท อีกทั้งมีความพร้อมร่วมประมูลงานโครงการใหม่จำนวนมากทั้งภาครัฐและเอกชน แต่สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือเป็นความท้าทายมาก แต่เชื่อว่าตลาดคอนกรีตอัดแรงในไทยยังมีความต้องการ เพราะต้องรองรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ
สนับสนุนให้อัตรากำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกเพิ่มขึ้นเป็น 8.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.31% และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 13.02% จากเดิม 9.31% อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.03 เท่า จากเดิม 1.26 เท่า
นายเจษฎ์กรณ์ มงคลศรีสวัสดิ กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและการขาย กล่าวว่าการเข้าลงทุนในบริษัทคอนกรีต จำกัด เพื่อรองรับตลาดทางภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทยังไม่มีโรงงาน อีกทั้งเล็งเห็นว่าเป็นการเพิ่มช่องทางสำหรับการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการบริษัท STECH มีมติการประชุมให้มีการเพิ่มทุนในบริษัทย่อย คือ บริษัท วังคอนกรีต จำกัด อีก 10,000 หุ้น หลังจากการเพิ่มทุนจะมีหุ้นสามัญทั้งหมด 30,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท โดยบริษัทยังมีสัดส่วนการถือหุ้น 100% สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
มั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทยังสามารถเติบโตได้ดี จากปัจจุบันมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 700 ล้านบาท อีกทั้งมีความพร้อมร่วมประมูลงานโครงการใหม่จำนวนมากทั้งภาครัฐและเอกชน แต่สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือเป็นความท้าทายมาก แต่เชื่อว่าตลาดคอนกรีตอัดแรงในไทยยังมีความต้องการ เพราะต้องรองรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ