'ทิสโก้' ชี้ 'ธุรกิจอสังหาฯ-รายใหญ่'
Loading

'ทิสโก้' ชี้ 'ธุรกิจอสังหาฯ-รายใหญ่'

วันที่ : 14 มีนาคม 2568
TISCO กล่าวว่า "วันนี้เราเริ่มเห็นสินเชื่อเริ่มกลับมา โดยเฉพาะธุรกิจ และอสังหาที่กลับมาสู่ระบบแบงก์มากขึ้น จากความสามารถในการระดมทุนในตลาดบอนด์ที่ยากลำบากขึ้น ทำให้เห็นดีมานด์ในการเข้าไปเติบโตในสินเชื่อ กลุ่มนี้ต่อเนื่อง ทั้งอสังหากรีนไฟแนนซ์ โซลาร์ ในกลุ่มที่มีศักยภาพ"
  วิชชุลดา ภักดีสุวรรณ

  กรุงเทพธุรกิจ

   'ขอสินเชื่อแบงก์' พุ่ง หลังตลาดหุ้นกู้ไม่เอื้อ

   นช่วงที่สถานการณ์ของ เศรษฐกิจชะลอ หนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจอยู่ระดับสูง หนี้ค้างชำระทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผลกระทบ ที่ตามมาคือ "ผู้กู้" เข้าถึง "สินเชื่อ" ได้ยากขึ้น จากเครดิตและรายได้ที่ถดถอยลง ส่งผลให้สถาบันการเงินเอง ใช้ความ "ระมัดระวัง" ในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่งผลให้ สินเชื่อในระบบปี 2567 ที่ผ่านมา "ติดลบ" ในรอบกว่า 15 ปี

   ปี 2568 ธนาคาร "ทิสโก้" มองว่า ภาพรวมต่างๆ เริ่มดูดีขึ้น แต่การเติบโตของธนาคารปีนี้ ยังคงเน้นการเติบโต แบบระมัดระวังต่อเนื่อง เช่นเดียวกัน ภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจที่ยังมีความเสี่ยงและความท้าทายต่อธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

   นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารปีนี้ จะอยู่ภายใต้การบริหารจัดการด้านต่างๆ ที่รอบคอบ และคาดจะเห็นการเติบโตอย่างยั่งยืนของธนาคารมากขึ้น โดยเฉพาะความสามารถ ในการสร้างผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ เพื่อให้ธนาคารมีความสามารถในการจ่ายปันผลที่ดีอย่างต่อเนื่อง

    โดยปัจจุบัน ธนาคารมองว่าเป็นจังหวะที่ดีสำหรับธุรกิจธนาคารและภาคธุรกิจ และเริ่มเห็นไดเรกชันในเชิงธุรกิจที่ดีต่อเนื่อง ทั้งจากไซเคิลของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ "ระดับต่ำ" และล่าสุดปรับลดลงมาสู่ระดับ 2.0% ซึ่งน่าจะ เป็นผลดีกับพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร โดยเฉพาะ "สินเชื่อใหม่"

    นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ธนาคารเริ่มเห็นว่า หลายธุรกิจเริ่มหันมา "กู้เงิน" จาก สถาบันการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะภาคธุรกิจ แทนการระดมทุนผ่าน "ตลาดหุ้นกู้" โดยเฉพาะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่ออกหุ้นกู้ ยากลำบากมากขึ้น ดังนั้น เหล่านี้เป็นโอกาสสำหรับธนาคารที่จะเข้าไปให้สินเชื่อสำหรับกลุ่มนี้ได้ต่อเนื่อง ภายใต้การประเมิน ความเสี่ยงอย่างรอบด้าน

    "วันนี้เราเริ่มเห็นสินเชื่อเริ่มกลับมา โดยเฉพาะธุรกิจ และอสังหาที่กลับมา สู่ระบบแบงก์มากขึ้น จากความสามารถ ในการระดมทุนในตลาดบอนด์ที่ยากลำบากขึ้น ทำให้เห็นดีมานด์ในการเข้าไปเติบโตในสินเชื่อ กลุ่มนี้ต่อเนื่อง ทั้งอสังหากรีนไฟแนนซ์ โซลาร์ ในกลุ่มที่มีศักยภาพ"

     ดังนั้น จะเห็นว่าสินเชื่อธุรกิจปีนี้จะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตต่อจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่ธนาคารมีการเข้าไปบุกตลาดมากขึ้น ปัจจุบันสินเชื่อธุรกิจพอร์ตสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 6 หมื่นล้านบาท จากอดีตที่ 3 หมื่นล้านบาท

     ไม่เพียงเท่านั้น กลยุทธ์ของธนาคารคือ พยายามรักษาและบริหาร "สเปรด" หรือส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้อยู่ระดับที่ดี และรักษาคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่องทำให้ ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารมีการขยายสินเชื่อ มาในกลุ่มไฮยีลด์ และสินเชื่อสำหรับธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้ถือว่าประสบความสำเร็จ และธนาคารสามารถรักษาสเปรด และ Credit cost หรือต้นทุนความเสี่ยง ของสินเชื่อที่ไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยไว้ในระดับที่ดีได้ จากการ คุมค่าใช้จ่ายต่างๆให้อยู่ในระดับที่ดี

     จากผลของไซเคิลดอกเบี้ยที่ปรับลดลง มองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อธนาคาร จากการที่ สินเชื่อส่วนใหญ่ของธนาคารเป็น อัตราดอกเบี้ยคงที่ หรือ Fixed rate สูงถึง 70% ดังนั้น หากดอกเบี้ยทรงตัวและอยู่ในช่วง "ขาลง" ก็จะทำให้ธนาคารมีโอกาสเข้าไปเร่งการเติบโตในสินเชื่อต่างๆ ได้เพิ่มเติม

    โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อ รถยนต์ใหม่ ที่มีการคาดการณ์ credit cost ได้แม่นยำ มากกว่าการให้สินเชื่อในกลุ่มเปราะบาง บวกกับความสามารถในการคัดกรองลูกค้า ที่มีศักยภาพมากขึ้น ก็เป็นแต้มต่อ ต่อธนาคาร ในการเข้ามาเติบโตได้ แม้อินดัสตรี หรือ สินเชื่อเช่าซื้อในระบบจะทรงตัวหรือ ลดลง แต่ทิสโก้เอง เชื่อธนาคารจะยังเติบโต ได้ต่อเนื่อง ทั้งจากความแข็งแกร่ง ของธนาคาร โซลูชัน และพันธมิตรต่างๆ ของธนาคารที่เข้มแข็งค่อนข้างมาก

    สำหรับ สถานการณ์รถมือสอง ปัจจุบันเริ่มทรงตัว จากปีก่อนที่ราคารถปรับตัว ลดลงกว่า 30% ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าสู่การ ปรับโครงสร้างหนี้ หรือโครงสร้างคุณสู้เราช่วย ที่ส่งผลให้รถที่เข้าลานการประมูลมีน้อยลง และผู้ประกอบการเริ่มแข่งขันด้านราคามากขึ้น สะท้อนราคารถมือสองที่เริ่มทรงตัว หากดูพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อทิสโก้ลดลงอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท จากก่อนหน้าที่เคยแตะ 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากรถมือสอง ที่ปรับลดลงต่อเนื่องก่อนหน้านี้

   ในส่วนสมหวังเงินสั่งได้ปีนี้จะเป็น ปีแรก ที่จะไม่เห็นการขยายสาขา "สมหวังเงินสั่งได้" เนื่องจากมองว่าวันนี้สาขาอยู่ในจุดที่เหมาะสม และเพียงพอแล้ว และเหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ดังนั้น การเร่งเติบโตอาจต้องระมัดระวังอย่างมาก และปีนี้จะเป็นปีแรกที่ไม่เห็นการขยายสาขาเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีกว่า 800 สาขา

    นอกจากนี้ ยังจะเห็นการเร่งพอร์ต การเติบโตในธุรกิจ "เวลธ์" อย่างต่อเนื่อง จากการเข้าสู่สังคมสูงวัย ที่มีทั้งเงินฝาก และเงินลงทุนค่อนข้างมาก ดังนั้น ธนาคารมองโอกาสในการเข้าไปเติบโตกลุ่มนี้มากขึ้น

    สำหรับ ผลการดำเนินโดยรวม ของธนาคารในไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าอาจชะลอตัวเล็กน้อย ตามการ "หดตัว" ของสินเชื่อรถยนต์ แต่หลังจากนี้ อาจเห็นสินเชื่อทยอยกลับมาเติบโตดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งเข้าไปเติบโต พอร์ตสินเชื่ออื่นมากขึ้น

    ส่วน สินเชื่อโดยรวม ธนาคารเชื่อว่า มีโอกาสพลิกกลับมาเติบโตได้ที่ระดับ 0-5% จากปีก่อนหดตัว -1% จากการเข้าไปเร่งเติบโตในกลุ่มที่มีศักยภาพต่อเนื่อง

    สำหรับ โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ปัจจุบันมีลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ เข้าโครงการแล้ว 35% หากเทียบกับลูกค้าทั้งหมด ที่เข้าเกณฑ์ โดยธนาคารหวังว่า สิ้นเดือนเม.ย.นี้ จะเห็นลูกค้าเข้าโครงการเพิ่มเติมกว่า 50% ที่เข้าเงื่อนไข

    ในส่วนการตั้งสำรองผลขาดทุน ด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss - ECL) คาดจะเพิ่มขึ้น ไม่เกิน 1% ปีนี้ ของสินเชื่อโดยเฉลี่ย จากปีก่อนที่อยู่ราว 0.6% และธนาคาร มีเป้าหมายในการคุมหนี้เสียหรือสินเชื่อ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปีนี้ไม่ให้เกินระดับ 3% จากปัจจุบันที่ 2.4%

    "ในด้านต้นทุนที่ถูกในการเข้าไปปล่อยกู้ของธนาคาร ถือเป็นจุดแข็ง ของทิสโก้ ที่ทำให้ธนาคารมีศักยภาพ ในการแข่งขัน และปล่อยสินเชื่อ ได้มากขึ้น แต่ภายใต้ต้นทุนที่ถูก การทำธุรกิจแบงก์ยังอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ และข้อจำกัดต่างๆค่อนข้างมาก หากเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งเป็นนอนแบงก์ ที่ยืดหยุ่นน้อยกว่า"
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ