นายกฯ จี้!ธปท.ลดดอกเบี้ย
Loading

นายกฯ จี้!ธปท.ลดดอกเบี้ย

วันที่ : 20 กุมภาพันธ์ 2568
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ "เชื่อมั่นประเทศไทย" ในงานสัมมนา TRUST THAILAND เชื่อมั่นประเทศไทย จัดโดยเครือมติชน ระบุว่า ไทยเจอความท้าทาย เศรษฐกิจไม่ดี เงินในระบบไม่เพียงพอ โดยในระยะเร่งด่วนขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาลดดอกเบี้ยเพื่อลดค่าใช้จ่ายประชาชน เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะเงินเฟ้อน้อยอยู่
    ไทยมีภูมิต้านทานรับปัญหา

    คาดเอกชนลงทุนปีนี้แสนล.

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ "เชื่อมั่นประเทศไทย" ในงานสัมมนา TRUST THAILAND เชื่อมั่นประเทศไทย จัดโดยเครือมติชน ระบุว่า ไทยเจอความท้าทาย เศรษฐกิจไม่ดี เงินในระบบไม่เพียงพอ โดยในระยะเร่งด่วนขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาลดดอกเบี้ยเพื่อลดค่าใช้จ่ายประชาชน เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะเงินเฟ้อน้อยอยู่ และขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ช่วยเสริมสภาพคล่องจากที่ธนาคารมีกำไรสูง ให้ปล่อยกู้คนไทยให้เกิดการลงทุนต่อยอดธุรกิจ

    ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยยังเป็นปัญหา ล่าสุดได้มีโครงการคุณสู้ เราช่วย ออกมาช่วยหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้เอสเอ็มอี และที่ผ่านมาตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน มีการยกหนี้รายย่อย 8.3 แสนบัญชี ทำให้ลูกหนี้ปลดล็อกออกจากการติดเครดิตบูโร และสามารถ เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ซึ่งปัจจุบันมีลูกหนี้ค้าง 2.6 แสนบัญชี คาดว่าจะทำให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 มี.ค.นี้ ขณะเดียวกันได้ขอกระทรวงการคลัง หารือ ธปท.ปรับปรุงหลักเกณฑ์คุณสู้ เราช่วย เพื่อให้ครอบคลุมลูกหนี้ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น คาดว่าจะออกมาช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้

    ส่วนจีดีพีในปี 68 คาดว่าจะขยายตัว 3% โดยมีแรงขับเคลื่อนผ่านการลงทุนเอกชนเพิ่มมากขึ้น และการใช้จ่ายประชาชนฟื้นตัวดีขึ้น ด้านภาครัฐมีส่วนช่วยผลักดันงบลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาได้เรียกทุกภาคส่วนมาหารือ ให้งบลงทุนเกิดขึ้นเร็ว และให้เกิดการจ้างงาน มีเงินหมุนเวียน มีผลต่อเศรษฐกิจ โดยจีดีพีไทยเทียบกับอาเซียน ยอมรับว่าต่ำกว่าประเทศอื่น เพราะอุตสาหกรรมไทยไม่ได้มีการพัฒนามาอย่างยาวนาน เทียบกับอาเซียน เช่น มาเลเซียลงทุนเซมิคอนดักเตอร์ แต่ช่วง 10 ปีของไทยนั้นไม่มีเลย

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลร่วมกับบีโอไอเร่งส่งเสริมการลงทุน โดยบีโอไอเสนอมาคือทำตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยว 1.14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 5% ต่อจีดีพี เร่งให้เงินเข้าสู่ระบบ ดึงอุตสาหกรรมใหม่เข้ามา เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ และการท่องเที่ยวที่ไม่อยากให้ ทุกเดือนของไทยเป็นโลว์ซีซัน อยากให้ท่องเที่ยวได้ทุกเดือน รวมทั้งยังสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ วางเป็นฮับของภูมิภาค ทั้งเรื่องรถอีวี และลงทุนด้านดิจิทัล

    ด้าน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า การคาดการณ์เศรษฐกิจปี 68 ไม่ถึง 3% เหมือนกับเป้าหมายของรัฐบาล เพราะมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังไทยจะมีความผันผวนและความเสี่ยงสูง จากปัญหาสงครามการค้าสหรัฐกับประเทศคู่ค้า ทำให้ต้องเป็นเรื่องติดตามต่อเนื่อง แต่เศรษฐกิจไทยยังมั่นคงเพียงพอ มีภูมิต้านทาน สามารถรองรับปัญหาและความผันผวนในครึ่งปีหลังได้ระดับหนึ่ง โดยต้องติดตามมาตรการที่มากระตุ้นการลงทุน นำอุตสาหกรรมใหม่เข้ามา ทำให้เปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมชั้นสูง และสนับสนุนการท่องเที่ยว รวมทั้งภาครัฐที่จะต้องลดรายจ่ายประจำ เพิ่มเงินลงทุนมากขึ้น รวมทั้งต้องติดตามความเสี่ยงจากนโยบายทรัมป์ 2.0 โดยรัฐบาลเจรจาให้ดีที่สุดเพื่อลดผลกระทบให้ไทย ถ้าทำได้และมีมาตรการอื่น ๆ อาจทำให้จีดีพีขยายตัวดีกว่าที่ประมาณการไว้ได้

    ทั้งนี้ในช่วงถัดไป มี 5 เรื่อง ที่รัฐบาลเตรียมการเอาไว้ คือ 1.เตรียมรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของประเทศคู่ค้า 2.การเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนให้กลับมาขยายตัว คาดว่าจะมีเงินเพิ่มเข้ามาในระบบเพิ่ม 1 แสนล้านบาท จากปี 67 3.การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว 4.สร้างการตระหนักรู้ถึงมาตรการความช่วยเหลือภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนและธุรกิจ และ 5.การขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

    นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี กล่าวว่า ปัจจัยที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุน คือ ความง่ายในการเข้ามาทำธุรกิจ รองลงมา ตำแหน่งพื้นที่ สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ และโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่มีความยาก เพราะจากการศึกษาพบว่าต้องมีหน่วยงานรัฐบาล และหน่วยงานพิเศษเข้ามาสนับสนุน โดยเฉพาะโซนพิเศษในการลงทุน หรือมีหน่วยงานกลางในการดูแลการลงทุนทั้งประเทศ และมีหน่วยงานเฉพาะมาดึงการลงทุนในพื้นที่พิเศษ และมีอุตสาหกรรมเป้าหมาย และมีสิทธิพิเศษมาช่วยเติมเต็มด้วย

    "ตอนนี้รัฐบาลสิงคโปร์ และมาเลเซีย จับมือกันในการทำเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ยะโฮร์ เพื่อแข่งกับอีอีซีโดยตรง รัฐบาลจึงต้องช่วยให้ อีอีซี ให้แข่งขันได้อยู่ ขณะที่อีอีซีต้องปรับกลยุทธ์ให้รับมือแข่งขันกับคู่แข่งได้ การลงทุนเหมือนเกมที่สามารถปรับเปลี่ยนดึงให้คนเข้ามาลงทุน โดยใน 2 ปี นี้ ประเทศที่จะมีเงินทุนและมีความจำเป็นในการลงทุนมากที่สุด คือ จีน และทุกชาติ ก็พยายามดึงเงินลงทุนจากจีนไปลงทุนมากที่สุด ซึ่งหากหมดรอบ 1-2 ปีนี้ ก็จะหยุดการลงทุนรอบใหม่ต้องรออีก 20 ปี และเมื่อนักลงทุนตัดสินใจลงทุนพื้นที่ใดแล้ว ก็จะลงทุนในพื้นที่เดียวกันเพื่อความต่อเนื่องด้วย"

    นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ปัจจุบันดิจิทัลได้กลายเป็นโครงสร้าง พื้นฐานที่มีความสำคัญยิ่งกว่าถนน แม่น้ำ หรือสะพาน เวลานี้ ตัวเลขของการใช้อีเพย์เมนต์ในไทยอยู่ที่ 8 ล้านล้านบาทต่อปี ส่วนมูลค่าของอีคอมเมิร์ซ อยู่ที่ประมาณ 6 ล้านล้านบาทต่อปี เมื่อเทียบกับงบประมาณของราชการปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านล้านบาทต่อปีเท่านั้น เรื่องดิจิทัลของไทยถือว่าอยู่ในระดับดี ทำให้ไทยไม่เป็นรองใคร และยังมีเรื่องคลาวด์ เฟิสต์ เพื่อผลักดันให้การทำงานของภาครัฐย้ายไปอยู่บนคลาวด์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านไอทีของภาครัฐ และเพิ่มความปลอดภัยด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ