PF คาดตลาดอสังหาฯปีนี้ไม่ดี ชี้เศรษฐกิจไม่ฟื้นฉุดกำลังซื้อ
วันที่ : 7 มกราคม 2568
PF คาดตลาดอสังหาฯ ในปี 68 ยังไม่ดี! เหตุเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว กดดันอำนาจซื้อของลูกค้า ประกาศเดินหน้าลดหนี้รักษาสภาพคล่อง พร้อมวางเป้าการขายที่ดินและสิทธิการเช่าไว้ที่ 9,780 ล้านบาท ในปี 68
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ยังไม่ดี เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว โดยมาจากปัจจัยกดดันเดิม ๆ ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย และมีผลต่อเนื่องมาจากปีก่อน เช่น ปัญหาในเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งมีผลต่ออำนาจซื้อของลูกค้าโดยเฉพาะในระดับกลาง-ล่าง ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่ฟื้น เพราะยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงส่งผลให้สถานการณ์โดยรวมของตลาดยังไม่ดีขึ้น
ขณะที่ PF ยังคงเดินหน้าปรับลดหนี้ตามแผนที่ได้เคยประกาศไว้ ซึ่งถือเป็นภารกิจ (Mission) หลักในการดำเนินงานของบริษัทในปี 2568 ด้วย โดยในปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายการขายที่ดินและสิทธิการเช่าไว้ที่ 9,780 ล้านบาท แบ่งเป็นการขายที่ดิน จำนวน 3 แปลง รวมมูลค่า 3,780 ล้านบาท (ที่ดินทำเลรามคำแหง 880 ล้านบาท, ที่ดินทำเลรามอินทรา 2,000 ล้านบาท และที่ดินทำเลรัชดา 900 ล้านบาท) เพื่อเสริมสถานะการเงินให้แข็งแกร่ง และคาดในปี 2568 อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) จะลดลงเหลือ 1 เท่า
“ทุก ๆ ธุรกิจต้องดูแลสภาพคล่องของตัวเองอยู่แล้ว เรายังคงเดินหน้าปรับลดหนี้อยู่ต่อเนื่อง ทั้งการขายทรัพย์สินและการขายที่ดินตามแผนที่เราได้เคยประกาศไว้ โดยยังคงเป้าหมายการขายที่ดินและสิทธิการเช่าไว้ที่ 9,780 ล้านบาทในปี 2568” นายวงศกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเดินหน้าสร้างการเติบโต ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ต้องคัดเลือก (Selective) มากขึ้น เลือกพัฒนาในทำเลที่มั่นใจจริง ๆ ว่า สามารถขายได้ และการสร้างสต๊อกสินค้านั้น ต้องให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับยอดขาย และความต้องการที่เกิดขึ้นจริงในโซนนั้น ๆ การสร้างสต๊อกจำนวนมาก เพื่อหวังสร้างยอดขายมาก ๆ นั้น อาจจะต้องระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่โครงการใหม่ที่จะเปิดในปี 2568 นั้น จะเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดตัวมาจากปี 2567 ทั้งหมด
นายวงศกรณ์ กล่าวอีกว่า ปัจจัยบวกที่จะสามารถกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 นั้น ทางสมาคมอสังหาริมทรัพย์ได้เสนอไปทางรัฐบาลแล้ว ซึ่งประเด็นหลัก ๆ ที่มองว่าจะได้ประโยชน์มาก ๆ คือ เรื่องของการยกเลิกมาตรการ LTV และการดึงกำลังซื้อจากต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยได้แบบถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การให้สิทธิต่างชาติได้ซื้อบ้านเดี่ยวได้มากขึ้น หรือเพิ่มสัดส่วนการซื้อคอนโดมิเนียมได้มากกว่า 49% เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นการดึงอำนาจซื้อใหม่ ๆ เข้ามาเสริม และหากทำได้ก็จะได้ประโยชน์กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมากขึ้น
ขณะที่ PF ยังคงเดินหน้าปรับลดหนี้ตามแผนที่ได้เคยประกาศไว้ ซึ่งถือเป็นภารกิจ (Mission) หลักในการดำเนินงานของบริษัทในปี 2568 ด้วย โดยในปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายการขายที่ดินและสิทธิการเช่าไว้ที่ 9,780 ล้านบาท แบ่งเป็นการขายที่ดิน จำนวน 3 แปลง รวมมูลค่า 3,780 ล้านบาท (ที่ดินทำเลรามคำแหง 880 ล้านบาท, ที่ดินทำเลรามอินทรา 2,000 ล้านบาท และที่ดินทำเลรัชดา 900 ล้านบาท) เพื่อเสริมสถานะการเงินให้แข็งแกร่ง และคาดในปี 2568 อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) จะลดลงเหลือ 1 เท่า
“ทุก ๆ ธุรกิจต้องดูแลสภาพคล่องของตัวเองอยู่แล้ว เรายังคงเดินหน้าปรับลดหนี้อยู่ต่อเนื่อง ทั้งการขายทรัพย์สินและการขายที่ดินตามแผนที่เราได้เคยประกาศไว้ โดยยังคงเป้าหมายการขายที่ดินและสิทธิการเช่าไว้ที่ 9,780 ล้านบาทในปี 2568” นายวงศกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเดินหน้าสร้างการเติบโต ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ต้องคัดเลือก (Selective) มากขึ้น เลือกพัฒนาในทำเลที่มั่นใจจริง ๆ ว่า สามารถขายได้ และการสร้างสต๊อกสินค้านั้น ต้องให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับยอดขาย และความต้องการที่เกิดขึ้นจริงในโซนนั้น ๆ การสร้างสต๊อกจำนวนมาก เพื่อหวังสร้างยอดขายมาก ๆ นั้น อาจจะต้องระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่โครงการใหม่ที่จะเปิดในปี 2568 นั้น จะเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดตัวมาจากปี 2567 ทั้งหมด
นายวงศกรณ์ กล่าวอีกว่า ปัจจัยบวกที่จะสามารถกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 นั้น ทางสมาคมอสังหาริมทรัพย์ได้เสนอไปทางรัฐบาลแล้ว ซึ่งประเด็นหลัก ๆ ที่มองว่าจะได้ประโยชน์มาก ๆ คือ เรื่องของการยกเลิกมาตรการ LTV และการดึงกำลังซื้อจากต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยได้แบบถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การให้สิทธิต่างชาติได้ซื้อบ้านเดี่ยวได้มากขึ้น หรือเพิ่มสัดส่วนการซื้อคอนโดมิเนียมได้มากกว่า 49% เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นการดึงอำนาจซื้อใหม่ ๆ เข้ามาเสริม และหากทำได้ก็จะได้ประโยชน์กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมากขึ้น
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ