รถไฟฟ้าหนุนที่ดินพุ่ง สัญญาณอสังหาฯเริ่มฟื้นตัว
วันที่ : 22 พฤศจิกายน 2567
REIC เผยผลสำรวจดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนพัฒนา กทม.-ปริมณฑล ใน Q 3/67 พบค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% จับตา ที่ดินแนวรถไฟฟ้าและพื้นที่ใกล้เคียง ราคาพุ่งสูงสุด เชื่อสะท้อนการฟื้นตัวภาคธุรกิจ อสังหาฯ คาดปี 68 ราคาปรับเพิ่มขึ้นอีก
รถไฟฟ้าหนุนที่ดินกทม.-ปริมณฑลพุ่ง REIC ระบุสัญญาณอสังหาฯเริ่มฟื้นตัว
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยผลสำรวจดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนพัฒนา กทม.-ปริมณฑล 6 จังหวัด ในไตรมาสที่ 3/67 พบค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% จากปีก่อน ระบุที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าและพื้นที่ใกล้เคียงราคาพุ่งสูงสุด เชื่อสะท้อนการฟื้นตัวภาคธุรกิจอสังหาฯ คาดการณ์ปี 68 ราคาปรับเพิ่มขึ้นอีก เชื่อผู้ประกอบการเดินหน้าขึ้นโปรเจกต์ใหม่ รองรับดรมานด์ที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้า
รายงานข่าวจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า รายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพ-ปริมณฑล ไตรมาสที่ 3 ปี 67 พบว่า จากการติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ซึ่งไม่รวมสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดที่ดินตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล รวม 6 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม มีค่าดัชนีเท่ากับ 391.1 เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา 5 ปีย้อนหลังในช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจอสังหาฯเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น แม้จะยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19ก็ตาม
ทั้งนี้ จากสัญญาณการกลับมาซื้อที่ดินสำหรับการลงทุนก่อสร้างโครงการจัดสรรตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น เห็นได้จากราคาที่ดินในหลายพื้นที่ขยับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพด้านการลงทุน รวมถึงพื้นที่ปริมณฑลที่ได้รับอานิสงส์ จากการพัฒนาทางหลวงระหว่างเมือง อาทิ โซนจังหวัดนครปฐม เพิ่มขึ้นมากที่สุด 22.7% โซนอำเภอเมืองปทุมธานี ลาดหลุมแก้ว สามโคก จังหวัดปทุมธานี เพิ่มขึ้น 18.3% โซนตลิ่งชัน บางแค ภาษีเจริญ หนองแขม ทวีวัฒนา ธนบุรี คลองสาน บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ เพิ่มขึ้น7.0% โซนเขตจตุจักร ห้วยขวาง ยานนาวา วัฒนา คลองเตย พญาไท บางคอแหลม ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางซื่อ ดินแดง ราชเทวี และบางรัก หรือ กรุงเทพชั้นใน เพิ่มขึ้น 6.2% และโซนจังหวัดสมุทรสาคร เพิ่มขึ้น 5.9%นอกจากนี้ ยังพบว่าราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ในไตรมาส 3 ปี 67 ซึ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนามากที่สุด 5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่รถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว และเป็นที่ดินที่มีจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าตั้งแต่ 2 สายขึ้นไป ได้แก่
1. รถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑล สาย 4) มีค่าดัชนีเท่ากับ 458.8 เพิ่มขึ้น7.0% และ 2. รถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน หัวลำโพงบางแค มีค่าดัชนีเท่ากับ 534.5, รถไฟฟ้าสายสีทอง ธนบุรี-ประชาธิปก มีค่าดัชนีเท่ากับ 526.8 และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม มีค่าดัชนีเท่ากับ 518.7 โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินเท่ากันที่ 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาษีเจริญ, บางกอกใหญ่ และบางกะปิขณะที่ รถไฟฟ้า สายสีลม มีค่าดัชนีเท่ากับ 503.6, รถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 495.9 และรถไฟฟ้า สายสีแดงเข้ม (หัวลำโพง-มหาชัย) มีค่าดัชนีเท่ากับ 501.4 มีอัตราเพิ่มขึ้นของราคาที่ดิ 6.3% เท่ากันทั้ง 3 สาย โดยราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในเขตภาษีเจริญ, สาทร และบางกอกใหญ่ ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดิน ตลอดเส้นทาง มีค่าดัชนีเท่ากับ 552.4 และรถไฟฟ้า สายสีแดงเข้ม (บางซื่อหัวลำโพง) มีค่าดัชนีเท่ากับ 543.8 โดยมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น6.2% เท่ากันทั้ง 2 สาย โดยเฉพาะในเขตสาทร, คลองเตย และดินแดง ขณะที่ รถไฟฟ้า สายสีเขียว (หมอชิตสะพานใหม่-คูคต) มีค่าดัชนีเท่ากับ 508.2 และรถไฟฟ้า สายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต) มีค่าดัชนีเท่ากับ 500.3 มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 5.8% โดยราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากอยู่ในเขตสามโคก, ธัญบุรี และบางเขน จากอัตราการเติบโตของราคาที่ดิน ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาสูง สะท้อนถึงความต้องการที่ดินในบริเวณดังกล่าว มากขึ้น
แนวโน้มดังกล่าวทำให้ REIC คาดการณ์ว่า ราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ หรือเริ่มเปิดให้บริการใหม่ เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นทำเลที่ยังมีความต้องการในด้านที่อยู่อาศัย และใช้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ และหากภาวะเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น ตามการคาดการณ์ของกระทรวงการคลังว่า จะขยายตัวมากกว่า 3% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นภาค อสังหาฯ ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปัญหาหนี้ครัวเรือนลดลง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หากผู้ประกอบการ อสังหาฯ จะเร่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า.
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยผลสำรวจดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนพัฒนา กทม.-ปริมณฑล 6 จังหวัด ในไตรมาสที่ 3/67 พบค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% จากปีก่อน ระบุที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าและพื้นที่ใกล้เคียงราคาพุ่งสูงสุด เชื่อสะท้อนการฟื้นตัวภาคธุรกิจอสังหาฯ คาดการณ์ปี 68 ราคาปรับเพิ่มขึ้นอีก เชื่อผู้ประกอบการเดินหน้าขึ้นโปรเจกต์ใหม่ รองรับดรมานด์ที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้า
รายงานข่าวจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า รายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพ-ปริมณฑล ไตรมาสที่ 3 ปี 67 พบว่า จากการติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ซึ่งไม่รวมสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดที่ดินตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล รวม 6 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม มีค่าดัชนีเท่ากับ 391.1 เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา 5 ปีย้อนหลังในช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจอสังหาฯเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น แม้จะยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19ก็ตาม
ทั้งนี้ จากสัญญาณการกลับมาซื้อที่ดินสำหรับการลงทุนก่อสร้างโครงการจัดสรรตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น เห็นได้จากราคาที่ดินในหลายพื้นที่ขยับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพด้านการลงทุน รวมถึงพื้นที่ปริมณฑลที่ได้รับอานิสงส์ จากการพัฒนาทางหลวงระหว่างเมือง อาทิ โซนจังหวัดนครปฐม เพิ่มขึ้นมากที่สุด 22.7% โซนอำเภอเมืองปทุมธานี ลาดหลุมแก้ว สามโคก จังหวัดปทุมธานี เพิ่มขึ้น 18.3% โซนตลิ่งชัน บางแค ภาษีเจริญ หนองแขม ทวีวัฒนา ธนบุรี คลองสาน บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ เพิ่มขึ้น7.0% โซนเขตจตุจักร ห้วยขวาง ยานนาวา วัฒนา คลองเตย พญาไท บางคอแหลม ป้อมปราบศัตรูพ่าย บางซื่อ ดินแดง ราชเทวี และบางรัก หรือ กรุงเทพชั้นใน เพิ่มขึ้น 6.2% และโซนจังหวัดสมุทรสาคร เพิ่มขึ้น 5.9%นอกจากนี้ ยังพบว่าราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ในไตรมาส 3 ปี 67 ซึ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนามากที่สุด 5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่รถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว และเป็นที่ดินที่มีจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าตั้งแต่ 2 สายขึ้นไป ได้แก่
1. รถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑล สาย 4) มีค่าดัชนีเท่ากับ 458.8 เพิ่มขึ้น7.0% และ 2. รถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน หัวลำโพงบางแค มีค่าดัชนีเท่ากับ 534.5, รถไฟฟ้าสายสีทอง ธนบุรี-ประชาธิปก มีค่าดัชนีเท่ากับ 526.8 และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม มีค่าดัชนีเท่ากับ 518.7 โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินเท่ากันที่ 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาษีเจริญ, บางกอกใหญ่ และบางกะปิขณะที่ รถไฟฟ้า สายสีลม มีค่าดัชนีเท่ากับ 503.6, รถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 495.9 และรถไฟฟ้า สายสีแดงเข้ม (หัวลำโพง-มหาชัย) มีค่าดัชนีเท่ากับ 501.4 มีอัตราเพิ่มขึ้นของราคาที่ดิ 6.3% เท่ากันทั้ง 3 สาย โดยราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในเขตภาษีเจริญ, สาทร และบางกอกใหญ่ ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดิน ตลอดเส้นทาง มีค่าดัชนีเท่ากับ 552.4 และรถไฟฟ้า สายสีแดงเข้ม (บางซื่อหัวลำโพง) มีค่าดัชนีเท่ากับ 543.8 โดยมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น6.2% เท่ากันทั้ง 2 สาย โดยเฉพาะในเขตสาทร, คลองเตย และดินแดง ขณะที่ รถไฟฟ้า สายสีเขียว (หมอชิตสะพานใหม่-คูคต) มีค่าดัชนีเท่ากับ 508.2 และรถไฟฟ้า สายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต) มีค่าดัชนีเท่ากับ 500.3 มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 5.8% โดยราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นมากอยู่ในเขตสามโคก, ธัญบุรี และบางเขน จากอัตราการเติบโตของราคาที่ดิน ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาสูง สะท้อนถึงความต้องการที่ดินในบริเวณดังกล่าว มากขึ้น
แนวโน้มดังกล่าวทำให้ REIC คาดการณ์ว่า ราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ หรือเริ่มเปิดให้บริการใหม่ เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นทำเลที่ยังมีความต้องการในด้านที่อยู่อาศัย และใช้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ และหากภาวะเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น ตามการคาดการณ์ของกระทรวงการคลังว่า จะขยายตัวมากกว่า 3% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นภาค อสังหาฯ ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปัญหาหนี้ครัวเรือนลดลง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หากผู้ประกอบการ อสังหาฯ จะเร่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้า.