นายสุรเชษฐ์ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ดีเอ็นเอ จำกัด ตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า อสังหาฯ ยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าลงทุน แม้คนรุ่นใหม่กลุ่มคนอายุไม่ถึง 30 ปี อาจมองว่าการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นการสร้างภาระระยะยาว และเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีแต่ความเสื่อม ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หากเทียบกับการลงทุนในหุ้น และสินทรัพย์ดิจิทัล แต่พบว่ายังเป็นที่ต้องการของคนที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเช่นเดิม เพราะไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินยังคงอยู่ ยกเว้นเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงจริง ๆ ที่บางพื้นที่มูลค่าของที่ดินหรืออสังหาฯอาจลดลงได้

    "การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาปัจจัยหลาย ๆ อย่างก่อนลงทุน โดยหนึ่งในรูปแบบที่คนที่อายุมากกว่า 35 ปี ขึ้นไปคุ้นเคย คือ การลงทุนในที่ดิน ซึ่งถ้าพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าที่ดินในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 52% จาก ปี 57 แต่อาจมีบางพื้นที่ที่ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่านี้"

    ทั้งนี้ ที่ดินไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ แม้จะมีการถมทะเลสร้างที่ดินเพิ่มขึ้น แต่ทุกโครงการที่มีการถมทะเลล้วนเป็นโครงการที่พัฒนาโดยรัฐบาลหรือภายใต้การอนุญาต จากรัฐบาลทั้งนั้น ส่วนการลงทุนในคอนโดมิเนียมอาจสร้าง ผลตอบแทนที่มากกว่าที่ดิน เพราะราคาคอนโดฯในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปี 57-67 ประมาณ 63% และอาจมีหลายโครงการที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นในทำเลที่มีความต้องการสูง รวมไปถึงสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาวรูปแบบหนึ่ง โดยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าปัจจุบันอยู่ในช่วง 4-7% ต่อปี หรือมากกว่านี้

     "แม้ว่าปัจจุบันการลงทุนในตลาดอสังหาฯอาจดูแล้วไม่น่าสนใจจากข่าวลบที่ออกมารายวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าอสังหาฯโดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยจะลงทุนไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทย ที่อ้างอิงจากดัชนีผลตอบแทนรวม 10 ปี อยู่ที่ 34% แต่ระหว่างทางก็มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงไปมาเช่นกัน"