เศรษฐกิจซบ - แห่ขายบ้านมือสองพุ่ง7แสนล
Loading

เศรษฐกิจซบ - แห่ขายบ้านมือสองพุ่ง7แสนล

วันที่ : 10 กันยายน 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2567 ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยมือสองมีจำนวนที่ประกาศ 140,725 หน่วย มูลค่า 718,436 ล้านบาท โดยประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่มีการประกาศขายจำนวนหน่วยมากสุด คือ บ้านเดี่ยว 55,754 หน่วย คิดเป็น 39.6% มูลค่า 373,917 ล้านบาท คิดเป็น 52%
         นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่าในไตรมาส 2 ปี 2567 ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยมือสองมีจำนวนที่ประกาศ 140,725 หน่วย มูลค่า 718,436 ล้านบาท โดยประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่มีการประกาศขายจำนวนหน่วยมากสุด คือ บ้านเดี่ยว 55,754 หน่วย คิดเป็น 39.6% มูลค่า 373,917 ล้านบาท คิดเป็น 52% รองลงมา ทาวน์เฮาส์ 41,384 หน่วย คิดเป็น 29.4% มูลค่า 105,191 ล้านบาท คิดเป็น 14.6% ห้องชุด 35,963 หน่วย คิดเป็น 25.6% มูลค่า 201,887 ล้านบาท คิดเป็น 28.1% ส่วนอาคารพาณิชย์และบ้านแฝดมีหน่วยและมูลค่าประกาศขายน้อยสุด โดยอาคารพาณิชย์มี 5,326 หน่วย คิดเป็น 3.8% มูลค่า 30,635 ล้านบาท คิดเป็น 4.3% ขณะที่บ้านแฝดมี 2,298 หน่วย คิดเป็น 1.6% มูลค่า 6,805 ล้านบาท คิดเป็น 0.9%

         นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนระดับราคาด้านมูลค่ามีขายมากสุด คือ มากกว่า 10 ล้านบาท มี 13,673 หน่วย แต่มีสัดส่วนมูลค่าสูงถึง 54.3% หรือมากกว่ามูลค่าในระดับราคา อื่นๆ รวมกัน ทั้งนี้เมื่อพิจารณาระดับราคาที่ประกาศขายแยกตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่าบ้านเดี่ยวและห้องชุด มีหน่วยขายราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทมากสุด ขณะที่ บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์มีหน่วยขายในระดับราคา 3-5 ล้านบาทมากสุด และทาวน์เฮาส์มีจำนวนหน่วยที่ประกาศขายมากสุดในระดับราคา 2-3 ล้านบาท

         นายวิชัยกล่าวว่า ด้านทำเลที่อยู่อาศัยมือสองที่มีมูลค่าประกาศขายมากสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 42,377 หน่วย คิดเป็น 30.1% มูลค่า 386,191 ล้านบาท คิดเป็น 53.8%, นนทบุรี 10,895 หน่วย คิดเป็น 7.7% มูลค่า 48,382 ล้านบาท คิดเป็น 6.7%, ชลบุรี 9,229 หน่วย คิดเป็น 6.6% มูลค่า 43,925 ล้านบาท คิดเป็น 6.1%, สมุทรปราการ 9,613 หน่วย คิดเป็น 6.8% มูลค่า 43,030 ล้านบาท คิดเป็น 6%, ปทุมธานี 10,250 หน่วย คิดเป็น 7.3% มูลค่า 28,169 ล้านบาท คิดเป็น 3.9%, เชียงใหม่ 4,508 หน่วย คิดเป็น 3.2% มูลค่า 23,303 ล้านบาท คิดเป็น 3.2%, ภูเก็ต 1,818 หน่วย คิดเป็น 1.3% มูลค่า 15,006 ล้านบาท คิดเป็น 2.1%, นครราชสีมา 2,745 หน่วย คิดเป็น 2% มูลค่า 9,436 ล้านบาท คิดเป็น 1.3%, ระยอง 4,062 หน่วย คิดเป็น 2.9% มูลค่า 8,081 ล้านบาท คิดเป็น 1.1% และนครปฐม 2,296 หน่วย คิดเป็น 1.6% มูลค่า 7,700 ล้านบาท คิดเป็น 1.1%

         "ดูจากตัวเลขทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลให้มีบ้านมือสองออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสามารถในการผ่อน โดยเฉพาะบ้านราคาถูกที่มีออกมาค่อนข้างมาก ส่วนบ้านมือสองราคาแพงก็มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะคอนโดที่มีการซื้อไว้ปล่อยเช่า เมื่อไม่มีผู้เช่าก็นำออกมาขาย" นายวิชัยกล่าว