YONG ประเมินแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังเติบโตเล็กน้อย หลังงบประมาณภาครัฐล่าช้า เศรษฐกิจไทยและโลกซบเซา บวกภาคอสังหาฯ ชะลอตัว มุ่งสร้างยอดขายผลิตภัณฑ์กรีนโปรดักส์ พร้อมขยายลูกค้ากลุ่มใหม่ “กลุ่มนิคมฯ” มาชดเชย โชว์แบ็กล็อก 549 ล้านบาท จ่อรับรู้รายได้ปีนี้ 499 ล้านบาท หนุนรายได้ทั้งปีโต 10-15%

        นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 คาดว่าทรงตัว หรือเติบโตเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากงบประมาณภาครัฐล่าช้า เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกซบเซา และภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว

         ขณะที่บริษัทมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะรีบแต่งตั้งรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ พร้อมเร่งสานต่อนโยบายต่าง ๆ และการอนุมัติโครงการต่าง ๆ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เชื่อว่าจะให้ทำให้การลงทุนกลับมาคึกคักอีกครั้ง และส่งผลดีกับบริษัทด้วย

         นอกจากนี้บริษัทมุ่งมั่นผลักดันการเติบโตด้วยตัวเองไปก่อน และขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อสร้างยอดขายเข้ามาเสริม รวมถึงการมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Green Product)ตามกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน (ESG) โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ขอบคันหิน (Curb Stone) ที่สามารถลดต้นทุนผลิตได้ถึง 45-50% และคุณภาพได้มาตรฐาน จะเริ่มผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 นี้ เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเรือธงในอนาคต

         นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อรอส่งมอบ (Backlog)รวม 549 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ผลิตและจําหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีด 309 ล้านบาท และ 2.ขายพร้อมติดตั้ง 240 ล้านบาท เพิ่งจะรับรู้รายได้ภายในปี 2567ประมาณ 499 ล้านบาท รวมทั้งเดินหน้าขยายรับงานใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มผู้รับเหมาและลูกค้าทั่วไป กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ กลุ่มภาครัฐ และกลุ่มใหม่ ๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรม

         ส่วนความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ได้แก่ การสร้างโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ สาขาระยอง คาดการณ์รับรู้รายได้ปลายไตรมาส 4/2567 และการสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตสําเร็จรูป สาขาระยอง คาดการณ์รับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2568

         สำหรับภาพรวมปี 2567 บริษัทคงเป้าหมายจะมียอดขายเติบโต 10-15% จากปี 2566 ที่มียอดขายรวมประมาณ 1,150 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการขยายธุรกิจ และการสร้างแบ็กล็อกจากกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น แม้ระหว่างปีจะมีแรงกดดันเชิงลบเข้ามา ซึ่งบริษัทจะไม่ปรับยอดขายลงมาก แต่จะเน้นขยายช่องทางการสร้างยอดขายใหม่ ๆ เข้ามาชดเชยแทน