ศก.ฟุบกวาดยอดขายอสังหาฯวูบ
Loading

ศก.ฟุบกวาดยอดขายอสังหาฯวูบ

วันที่ : 20 มิถุนายน 2567
ศูนย์อสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1/67 เผชิญปัจจัยรุมเร้าเพียบ กดดันตลาดติดลบ เปิด 5 โซนอันตราย บ้าน-คอนโดเหลือขายบาน
   บ้าน-คอนโดไตรมาสแรกลดลง26.6%

   เปิด5ทำเลกทม.-ปริมณฑลสต๊อกบวม

   นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 1/2567 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ยอดขายลดลง 26.6% กดดันสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั้งปีลดลง 0.03% หน่วยการโอนกรรมสิทธิ์โตเพียง 1.6% มาจากหน่วยขายได้ใหม่อาคารชุดลดลง 39% บ้านจัดสรรลดลง 16.1% ส่งผลมีหน่วยเหลือขายเพิ่ม 16.4% คาดปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว และปัจจัยลบอสังหาริมทรัพย์ฉุดยอดขายใหม่ทั้งปี 2567 ลดลง 8.4% โดยผลสำรวจพบมีหน่วยเสนอขาย 229,048 หน่วย เพิ่ม 11.9% มูลค่า 1,307,985 ล้านบาท เพิ่ม 31.1% มาจากยอดขายได้ใหม่ในไตรมาสชะลอตัวลงติดต่อกันทุกไตรมาสของปี 2566 โดยเฉพาะกลุ่ม 7.5 ล้านบาท โดยภาวะยอดขายที่ชะลอตัวส่งผลไตรมาส 1 เปิดใหม่ลดลงมาก ส่วนใหญ่เป็นโครงการราคาแพง 16,356 หน่วย ลดลง 24.4% ขณะที่มีมูลค่าสูงถึง 119,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.3% โดยเป็นบ้านเดี่ยวเปิดขายเพิ่มขึ้น 85.1% มูลค่าเพิ่มขึ้น 157.7% ขณะที่อาคารชุดลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยหน่วยลดลง 40% มูลค่าลดลง 2.3%

     นายวิชัยกล่าวว่า สถานการณ์ตลาดบ้านแนวราบมีเสนอขาย 137,483 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.1% มูลค่า 910,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.5% ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ด้านยอดขายได้ใหม่มี 9,679 หน่วย ลดลง 16.1% มูลค่า 62,863 ล้านบาท ลดลง 9.3% มี 5 ทำเลขายได้สูงสุด ได้แก่ บางพลี-บางบ่อบางเสาธง, เมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์, บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวยไทรน้อย, ลำลูกกา-ธัญบุรี และเมืองสมุทรสาคร แต่มีทำเลต้องระมัดระวังมีหน่วยเหลือขายมาก ได้แก่ บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย, ลำลูกกาธัญบุรี,คลองหลวง, บางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง และเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก

      ด้านตลาดอาคารชุดมีเสนอขาย 91,565 หน่วย เพิ่มขึ้น 14.9% มูลค่า 397,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% มียอดขายได้ 5,940 หน่วย ลดลง 39% มูลค่า 27,207 ล้านบาท ลดลง 24.5% มี 5 ทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด ได้แก่ คลองหลวง, พระโขนง-บางนาสวนหลวง-ประเวศ, ธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อยบางกอกใหญ่-บางพลัด, ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง และเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด แต่มีทำเลต้องระวังหน่วยเหลือขายมาก ได้แก่ ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง, ธนบุรีคลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด, พระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ, เมืองนนทบุรี- ปากเกร็ด และลาดพร้าว-วังทองหลาง-บางกะปิ

      "ผลสำรวจสะท้อนว่าตลาดไตรมาสแรกขับเคลื่อนด้วยบ้านแนวราบกว่าอาคารชุด แต่ต้องเฝ้าระวังสต๊อกคงเหลือต้องประเมินความเสี่ยงลงทุนด้วย และจากแนวโน้มที่ชะลอตัว คาดทั้งปี 2567 มีเปิดขายใหม่ 103,930 หน่วย เพิ่มขึ้น 8% มูลค่า 637,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เป็นบ้านจัดสรร 51,369 หน่วย มูลค่า 420,635 ล้านบาท อาคารชุด 52,561 หน่วย มูลค่า 217,271 ล้านบาท มียอดขายได้ใหม่ 67,696 หน่วย ลดลง 8.4% มูลค่า 342,299 ล้านบาท ลดลง 11.2% ส่งผลมีหน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้นเป็น 246,280 หน่วย เพิ่มขึ้น 17.3% มูลค่า 1,393,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% และยอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศอยู่ที่ 678,151 ล้านบาท ลด 0.03% กระทบจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศด้วย" นายวิชัยกล่าว