NCH แย้มครึ่งหลังปี 2567 ฟอร์มสวย รับเข้าช่วงไฮซีซัน พร้อมยืนเป้าปี 2567 รายได้ราว 3 พันล้านบาท เดินหน้าโครงการใหม่ 5 พันล้านบาท ตุน Backlog โกยเงินเพิ่มระยะยาว แถมปลื้มรัฐไฟเขียวอัพเกรดกรอบภาษีการโอนบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท หนุนดีมานด์ขยับสูงขึ้น

         นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผ้าจัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 2567 จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากครึ่งแรกปีนี้ เพราะโดยปกติแล้วในช่วงปลายปีนั้นถือเป็นฤดูกาลขาย (ไฮซีซัน) ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริษัท ส่งผลให้ยอดขายขยายตัว

         สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 เบื้องต้นบริษัทยังคงปี 2567 ประมาณการรายได้ไว้ประมาณ 3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ปี 2566 ที่มีรายได้ราว 2.36 พันล้านบาท มีการพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง และมียอดขายที่รอโอน (Backlog) อยู่ในระดับที่ดี ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการเกี่ยวกับต้นทุนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย

         ขณะที่แนวทางการบริหารงานปีนี้ทาง NCH ยังให้น้ำหนักกับการขยายโครงการฐานใหญ่แนวราบเพิ่มขึ้น และยังมุ่งเติบโตกลุ่มตลาดสินค้าบ้านเดี่ยว ระดับราคา 5-7 ล้านบาท, บ้านแฝดรูปลักษณ์ใหม่สไตล์บ้านเดี่ยว ราคา 4-5 ล้านบาท และกลุ่ม ทาวน์เฮาส์ ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์แตกต่างโดดเด่น ราคา 2-3 ล้านบาท เพื่อเจาะและเพิ่มช่องทางการเข้าถึง กลุ่ม Segment ใหม่ สร้างฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น ด้วยสื่อการตลาดดิจิทัลที่เข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อบ้าน และ กิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อรองรับการเปิดโครงการ ใหม่แนวราบ หวังสนับสนุนการเติบโตในอนาคต

         ลุยโครงการใหม่โกยเงิน

         โดยบริษัทมีแนวเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ของบริษัทในช่วงที่เหลือปี 2567 เพิ่มเติมอีก 4 โครงการ ซึ่งมูลค่าโครงการรวมราว 5 พันล้านบาท เพื่อสร้างรายรับเพิ่มเติมในอนาคต รวมทั้งผลักดันให้ภาพรวมบริษัทในปี 2567 สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง

         พร้อมกันนี้ ทาง NCH ยังมีการควบคุมเข้ม เรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร และบริหารทีมงาน ด้วยวัฒนธรรมองค์กรใหม่ผนวกกับมุ่งเน้นด้านประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน ให้ความสำคัญด้านบริการ เสมือนเป็นที่ปรึกษาเรื่องบ้าน อย่างครบวงจร พร้อมนำพันธกิจการดำเนินธุรกิจ ชูความเป็น Green Concept มุ่งสู่ ESG 2567

         นายสมนึก กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับ การดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมือง แห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) เพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย

         เพิ่มกรอบภาษีโอนบ้านหนุน

         อย่างไรก็ดี รายละเอียดของมาตรการนี้จะมีการปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2567 ซึ่งลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จาก 1% เหลือ 0.01% เฉพาะที่ จดทะเบียนโอนในคราวเดียวกัน โดยเงื่อนไขการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว หรือห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน ซึ่งสำหรับผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย และมีผลจนวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งทาง NCH มองว่าเป็นประเด็น บวกต่อบริษัทอย่างชัดเจน เพราะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าและผลักดัน ยอดขายของบริษัทอีกทางหนึ่ง