ท่องเที่ยวโตแรงหนุนดีมานด์ รร.-ออฟฟิศ ธุรกิจบริการอสังหาฯลดเสี่ยง เน้นเจาะงานบริหารโครงการ-สำนักงานเช่า
Loading

ท่องเที่ยวโตแรงหนุนดีมานด์ รร.-ออฟฟิศ ธุรกิจบริการอสังหาฯลดเสี่ยง เน้นเจาะงานบริหารโครงการ-สำนักงานเช่า

วันที่ : 3 มิถุนายน 2567
ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 67 ธุรกิจโดยรวมยังอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
       สัญญาณตลาดที่อยู่อาศัยในปี 67 นี้ มีทิศทางค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่างจากปีก่อนหน้า เพราะในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ตลาดบ้านแนวราบ โครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า เนื่องจากตลาดรวมยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบที่ฉุดรั้งตลาด 3 ตัวหลัก คือ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินที่อยู่ในระดับสูง และ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งสวนทางกับกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคตของผู้บริโภค

      จากทิศทางดังกล่าว ทำให้ในปีนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ โดยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มอสังหาฯเพื่อปล่อยเช่า และอสังหาฯเพื่อรองรับอุตสาหกรรม โรงแรม ออฟฟิศเช่า และธุรกิจรีเทล ซึ่งยังมีทิศทาง และแนวโน้มที่ดี เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวทางด้านท่องเที่ยวเข้ามาผลักดันให้เกิดการขยายตัวที่ดี

       นางรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 67 ธุรกิจโดยรวมยังอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย และธุรกิจคลังสินค้า ซึ่งส่งผลให้มีความต้องการ แวร์เฮาส์ โกดังสินค้า ศูนย์การกระจายสินค้าเพิ่มสูงขึ้น และที่ตั้งโรงงานผลิต โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งในปัจจุบันมีความต้องการพื้นที่ตั้งโรงงานจากอุตสาหกรรมจำนวนมาก ในบางทำเลความต้องการพุ่งสูงกว่าซัปพลาย

      ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวซึ่งกลับมาขยายตัวสูงอย่างมากในปีนี้ ส่งผลให้ กลุ่มธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต ขยายตัวดีมาก หลังจากที่นักท่องเที่ยวกลับเข้าท่องเที่ยวในประเทศไทย เกินกว่าคาดการณ์โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 35 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณบวกอย่างมากต่อธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต บ้านพัก และกลุ่มธุรกิจรีเทล ในแหล่งหรือเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะกรุงเทพฯ นอกจากนี้ กลุ่มอาคารสำนักงานเช่า ก็เป็นอีกธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว แม้ว่าตัวเลขซัปพลายเพิ่มพื้นที่เช่าสำนักงานจะปรับตัวสูงขึ้น จนทำให้หลายๆ คนกังวลว่าเกิดโอเวอร์ซัปพลาย แต่ในมุมของผู้เช่าแล้วถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น การแข่งที่สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้เช่าในตลาด

     ขณะที่ตลาดอสังหาฯเพื่อขาย หรือที่อยู่อาศัยในปีนี้ จะยังทรงตัวต่อจากปีก่อน โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งต่างจากอสังหาฯในตลาดเมื่องท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต ซึ่งมีดีมานด์ที่พักอาศัยและที่อยู่อาศัยในตลาดระดับบนขยายตัวสูงมาก

      ส่วนรีเทลได้ผลพวงจากการที่ทัวริสต์เข้ามามากขึ้นเกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และมีการเปิดตัวโครงการรีเทลหลายแห่ง แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจับกลุ่มลูกค้าถูกหรือไม่ ขณะที่สถานการณ์ของตลาดอาคารสำนักงานนั้นยังคงมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะอาคารสำนักงานเกรดเอที่ ให้ความสำคัญกับเทรนด์สำนักงานเช่าที่เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

      ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตและทำงานภายในอาคาร และ กระแสแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมสังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ามามีบทบาท และสร้าง แต้มต่อให้เจ้าของอาคารและนักลงทุนอสังหาฯ โดยเฉพาะอาคารสร้างใหม่ที่และเน้นมาตรฐานด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานของ LEED กับ WELL BUILDING STANDARD

      การชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้ ทำให้ "ซีบีอาร์อี" กระจายน้ำหนักธุรกิจไปที่งานบริการที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อ ลดความเสี่ยง ทำให้ ณ ปัจจุบัน ซีบีอาร์อี มีธุรกิจถึง 16 ธุรกิจแบบครบวงจร ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของธุรกิจที่อยู่อาศัย แม้ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือ ไม่ดี เนื่องจาก ซีบีอาร์อี ยังมีลูกค้าในหลายเซ็กเตอร์ จึงช่วยลดความเสี่ยง

      นายชาญวิชญ์ พสุวัต หัวหน้าแผนกที่ปรึกษากลยุทธ์พื้นที่ทำงานและแผนกพัฒนาการออกแบบโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า จากเทรนด์ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from anywhere) ส่งผลให้ความต้องการใช้พื้นที่ในอาคารสำนักงานลดลง 20-30% ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม แต่ยังมีบางอุตสาหกรรมที่ไม่ลดลงขณะเดียวกันความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานที่เพิ่มขึ้นซึ่งในแต่ละปีในแต่ละเซกเตอร์ธุรกิจขึ้นลงแตกต่างกัน ขณะที่การออกแบบพื้นที่อาคารสำนักงานมีความสำคัญมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์การทำงานและพฤติกรรมในการใช้งานพื้นที่สำนักงานเช่า ของคนรุ่นใหม่ให้มีความสุขในการทำงาน และยังช่วยการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายขององค์กร รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น

      ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการอสังหาฯแบบครบวงจรให้ น้ำหนักกับงานบริการจัดการพื้นที่มากขึ้น ซัปพลายพื้นที่เช่าสำนักงานก็มีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าใน ระยะ 3 ปีจากนี้จะมีซัปพลายพื้นที่เช่าสำนักงานเกรดเอที่สร้างเสร็จใหม่เข้าสู่ตลาดประมาณ 830,000ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งจะมีผลให้การแข่งขันในตลาดดังกล่าวสูงขึ้น โดยคาดว่าในปลายปีนี้อัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานเช่าโดยรวมลดลงมาอยู่ที่ระดับ 80% จากปัจจุบันที่มีอัตราการใช้พื้นที่อยู่ที่ 84% ซึ่งการลดลงของอัตราการใช้พื้นที่สำนักงานเช่านี้ มีสาเหตุมาจากการไหลเข้ามาของพื้นที่เช่าสำนักงานใหม่ที่ทยอยก่อสร้างเสร็จในปีนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เช่าสำนักงานใหม่บางส่วนจากโครงการ "One Bangkok"ที่ทยอย ก่อสร้างเสร็จ และเปิดให้ใช้บริการ

      นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สำนักงานเช่าเกรดเอ ซึ่งเป็นโครงการสำนักงานเช่าที่เป็นไฮไลต์ของตลาดในช่วง 3 นี้ อีกหนึ่งโครงการที่จะทยอยสร้างเสร็จและเปิดใช้ คือ Central Park Offices โครงการสำนักงานเช่าในโครงการมิกซ์ยูส Dusit Central Park ซึ่งมีจุดเด่น ด้านทำเลที่ตั้งโครงการในย่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นศักยภาพที่แข็งแกร่งของทำเลถนนสีลม เดินทางสะดวก เชื่อม ต่อ Core Connectivity ผ่านจุดตัดของรถไฟฟ้า MRT และ BTS การออกแบบพื้นที่ของโครงการนี้ นับว่าสอดรับกับเทรนด์ตลาดสำนักงานเช่าในปัจจุบันมากๆ เพราะภายในอาคารมีการติดตั้ง เทคโนโลยีรองรับการทำงานและใช้ชีวิต ที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม คำนึงถึง Journey ในทุกส่วนของโครงการมิกซ์ยูส ที่จะเป็น Community ของคนทำงานรุ่นใหม่ และทำให้ผู้คนรู้สึกอยากมาทำงานและมาใช้ชีวิตที่นี่

     โดย นายคุณายุทธ เดชอุดม Head of Business Develop ment Strategy บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อาคาร Central Park Offices จุดเด่นด้านทำเลที่ดีที่สุด และยังเชื่อมต่ออย่างลงตัวกับพื้นที่สีเขียว จะทำให้ที่นี่เป็นอาคารสำนักงานระดับโลกที่ผู้คนอยากมาใช้ชีวิต โดยมีแนวคิดสำคัญ คือ Perfect Work/Life Harmony โดยเชื่อมต่อพื้นที่สีเขียว Rooftop Park ขนาด 7 ไร่ ที่สอดรับกับ Healthy Lifestyle ของคนเมือง ด้วย Jogging Track ลู่วิ่ง และ Trail พร้อมทำกิจกรรม Outdoor ได้หลายรูปแบบ และดีไซน์ฟังก์ชัน Private Terrace ที่สามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีได้เต็มที่ ตอบโจทย์ Modern Working Lifestyle ของคนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องการ Productivity & Creativity จึงดีไซน์พื้นที่ทำงานที่สามารถยืดหยุ่นได้ประกอบไปทั้ง flex space, ห้องประชุม, townhall ที่จะตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย พร้อมทั้งตั้งเป้ามาตรฐาน LEED Gold, WELL Platinum และ Wired Score Gold และมีระบบที่ใส่ใจ Well-Being เช่น การกรองและควบคุมคุณภาพอากาศ, การเลือกใช้วัสดุที่ลดการดูดซับความร้อนและใช้กระจกที่ลด การสะท้อนแสง, มีระบบ Smart Energy Control, รวมถึง ระบบความปลอดภัย สแกนใบหน้าของพนักงาน อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Rooftop Bar บนชั้น 43 ที่สามารถชมวิวกรุงเทพได้แบบ 360 องศา

     "Sen X" เสริมนวัตกรรม 

     เทคโนโลยีบริการเจาะอสังหาฯพรีเมียม


     สอดคล้องกับ นางสุพินท์ มีชูชีพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซ็น เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งกล่าวว่า เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดบริหารจัดการอสังหาฯแบบครบวงจร จึงได้เสริมทัพทีมบริหาร บุคลากรบริหารจัดการที่อยู่อาศัย อาคารเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้องค์กร และพัฒนาโซลูชันด้านการบริการระดับมาตรการฐาน อย่างมืออาชีพให้แก่ลูกค้า รวมถึง การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Life Simplified ชีวิตง่าย สบายยิ่งขึ้น ด้วยบริการ "Intelligence First Mile-Last mile" ที่นำ EV Shuttle ให้บริการ รับ-ส่ง เชื่อมต่อไปยังขนส่งสาธารณะ สามารถติดตามตำแหน่งรถ ผ่านแอปพลิเคชัน Smart Mobility มอบความสะดวกสบายและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนทุกรูปแบบให้สอดคล้องกับแนวทางการสร้างเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City ที่วางไว้"

    โดยปีนี้ บริษัทยังคงเน้นธุรกิจหลักประกอบด้วย 1. Sen X Property Management and Property Services ธุรกิจที่ให้บริการด้านการบริหารจัดการนิติบุคคลที่อยู่อาศัย ซึ่ง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

     Property and Facilities Management ให้บริการด้านการบริหารจัดการนิติบุคคล เสริมทัพด้วยผู้บริหารที่เชี่ยวชาญในวงการอสังหาฯ เพื่อยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ง่าย สะดวกสบาย และมุ่งสู่ความยั่งยืน พร้อมบุกตลาดอสังหาฯระดับพรีเมียม ด้วย Elite Services ซึ่งเป็นการบริการลูกบ้านระดับ World Class จากทีมงานมืออาชีพผ่านการอบรมตามมาตรฐานประเทศญี่ปุ่น และให้บริการ Tenancy management & Hospitality ตัวแทนในการบริหารจัดการอสังหาฯแบบครวงจรให้กับนักลงทุนและการบริหารโรงแรม

     รวมถึง Services Apartment ภายใต้แบรนด์ SEN STAY ซึ่งปัจจุบันบริษัท ให้บริการ Property and Facilities Management รับบริหารโครงการทั้งหมดกว่า 100 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 65 โครงการและที่เหลือเป็นหมู่บ้าน ซึ่งสัดส่วนบริหารเป็นโครงการของบริษัทในเครือ 70 % และโครงการอื่นภายนอก 30% โดยในปี 67 บริษัทตั้งเป้าขยายสัดส่วนของการดูแลโครงการอื่นเพิ่ม มากกว่า 40% พร้อมขยายตลาดเชิงพาณิชย์ควบคู่ไปด้วย

      Property Services การเป็นตัวแทนขายเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ และเชิงอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นการเสริมแกร่งทีมบริหารงานขายโครงการ ให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ทั้งลูกค้าไทยและนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยมีเครือข่ายอยู่หลายประเทศ เช่น จีน ไต้หวัน เมียนมา อินเดีย มั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอันเหนือระดับและเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ในการลงทุนให้กับนักลงทุนและผู้อาศัยในอนาคตได้

      2. Sen X Property Development ธุรกิจที่บริหารจัดการพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นพัฒนาโครงการระดับ Luxury ที่ยังคงจุดเด่นบ้านใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย Zero Energy House พร้อมการนำ technology มาผสมผสานเพื่อตอบโจทย์ Smart Lifestyle ของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ซึ่งปีนี้มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวมูลค่าโครงการกว่า 2,600 ล้านบาท

     3. Sen X Digital ธุรกิจที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อช่วยในการบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัย เป็นไปตามแนวคิดหลัก "Life simplified" ชีวิตง่ายสบายยิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ ต่างๆ พัฒนามาจากความเข้าใจเชิงลึก (Customer Insight) ของลูกค้า และลูกบ้าน ซึ่ง Sen X กำลังพัฒนาและยกระดับ Smart application 2 ตัว

     4. Sen X Retail ธุรกิจที่ให้บริการ เลือกซื้อของในการเข้าอยู่และของตกแต่ง อย่างง่ายดาย ผ่าน Smartify Home ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของลูกบ้าน ที่ซื้อบ้านหรือซื้อคอนโดฯใหม่ โดยอำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยเลือกซื้อของตกแต่งบ้านผ่าน Smartify home ครบจบที่เดียว ซึ่งสินค้าจะถูก tailored made ให้เข้ากับสไตล์และขนาดของที่อยู่อาศัยนั้นๆ จากทีมงานมีฐานข้อมูลขนาดพื้นที่ของแต่ละ unit type ในทุกโครงการอยู่แล้ว โดยที่ลูกบ้านไม่ต้องเสียเวลานัดช่างมาวัดพื้นที่หรือนัดติดตั้ง ทีม Smartify home ดูแลให้ครบจบทุกขั้นตอน
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ