ดัชนีความเชื่อมั่นซื้อที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑลQ1ปีนี้ทรุด
Loading

ดัชนีความเชื่อมั่นซื้อที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑลQ1ปีนี้ทรุด

วันที่ : 24 พฤษภาคม 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 39.2 ลดลงจากไตรมาสก่อน เหตุดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูง ฉุดความสามารถในการซื้อที่อาศัยลดลง
   ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในภาพรวมของไตรมาส 1/2567 มีค่าดัชนีเท่ากับระดับ 39.2 ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 ที่มีค่าดัชนีเท่ากับระดับ 44.5 และเป็นระดับความเชื่อมั่นที่ต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความเชื่อมั่นในระดับเกณฑ์ต่ำ อาจจะเป็นผลมาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นตลอดปี 2566 และยังคงทรงตัวในระดับสูงในไตรมาสนี้ ส่งผลต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยโดยตรง

    ขณะที่อยู่ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย อีกทั้งหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับเกินว่า 90% ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยไม่มีความพร้อมทางการเงิน ส่งผลให้มีความกังวลต่อการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพราะเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธสินเชื่อ และยังได้สอดคล้องกับข้อมูลโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลในไตรมาส 1/2567 ที่มีหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ลดลง 24% และมีมูลค่าลดลง 25.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จะเห็นว่าความเชื่อมั่นและความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงมากในไตรมาสนี้

   นอกจากนี้ยังได้ศึกษาถึงกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจในมิติต่าง ๆ ดังนี้ ลักษณะทางประชาการศาสตร์ของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง 53.1% และส่วนใหญ่มีอายุอยู่ระหว่าง 25-34 ปี หรือเป็นคนกลุ่ม Gen Y และ Gen Z มากที่สุด 51.9% ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่าคิดเป็น 72.2% ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ 60.6%  มีอาชีพเป็นพนักงานเอกชน  และส่วนใหญ่ 36.3% มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 15,001–30,000 บาท ทั้งนี้ ลักษณะทางประชากรศาสตร์ในภาพรวมมีความใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งด้าน เพศ ช่วงอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน

    ด้านวัตถุประสงค์ในการซื้อที่อยู่ใหม่ พบว่า ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ 32.6% ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อันดับสอง ต้องการซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไร/ให้เช่า 18.4% และอันดับสาม ซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สิน 14.9% จะเห็นว่าวัตถุประสงค์ที่ซื้อเพื่อลงทุนและเป็นทรัพย์สินมีสัดส่วนรวมกันถึง 33.3% แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับการลงทุน สะสมความมั่งคั่งและสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต และหากเทียบกับไตรมาส 4/2566 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเลือกพิจารณาที่มีสัดส่วนมากขึ้น คือ ต้องการซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไร/ให้เช่า และต้องการแยกครอบครัว/แต่งงาน โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 18.4% และ 9.6% จาก 12.4% และ 7.5%  ตามลำดับ

    ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาลักษณะความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย พบว่า 1.ด้านประเภททรัพย์ ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งมือหนึ่งหรือมือสอง 52.8% และหากพิจารณาเทียบกับไตรมาส 4/2566 พบว่าผู้ที่ต้องการเฉพาะที่อยู่อาศัยมือหนึ่งเท่านั้นมีสัดส่วนเป็น 38.9% ลดลงจาก 41.5% ในขณะที่ผู้ที่ต้องการเฉพาะที่อยู่อาศัยมือสองมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 8.2% จาก 6.9% ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความสนใจบ้านมือสองมากขึ้น

    2.ช่วงราคาของที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2.01–3.00 ล้านบาท คิดเป็น 26.2% รองลงมาได้แก่ระดับราคา 3.01–5.00 ล้านบาท คิดเป็น 24.8% ซึ่งทั้งสองช่วงระดับราคาดังกล่าวเป็นกลุ่มหลัก มีสัดส่วนรวมกันถึง 51% และพบว่าผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคาสูงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 โดยมีข้อสังเกตได้จากผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคา 10.01–15.00 ล้านบาท และ 15.01–20.00 ล้านบาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 4% และ 4.9% จาก 1.1% และ 0.3% ตามลำดับ

    3.ประเภทที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว 39.3% และต้องการซื้อมากที่สุดในระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท รองลงมา คือ คอนโดมิเนียม 34.9% โดยต้องการซื้อในระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาทมากที่สุด สำหรับทาวน์เฮาส์มีความต้องการซื้อ 20% และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท มากที่สุด ส่วนบ้านแฝดมีความต้องการซื้อ 5.5% และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 3.01- 5.00 ล้านบาทมากที่สุด และอาคารพาณิชย์มีความต้องการซื้อ 0.3% และต้องการซื้อในระดับราคา 2.01–3.00 ล้านบาท มากที่สุด และหากพิจารณาเทียบกับอายุของผู้ตอบพบว่า กลุ่มผู้มีอายุอยู่ระหว่าง 18-44 ปี มีความสนใจซื้อบ้านเดี่ยวมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 45-54 ปี และ 55 ปีขึ้นไป มีความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมมากที่สุด ซึ่งอาจเกิดจากความต้องการซื้อเพื่อลงทุนและเก็งกำไรเนื่องจากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองแล้ว

    4.จังหวัดที่มีความสนใจจะซื้อที่อยู่อาศัย เมื่อพิจารณาจังหวัดที่มีความสนใจจะซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด 10 อันดับแรก ณ ไตรมาส 1/2567 ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ นครปฐม ชลบุรี สมุทรสาคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์ โดยพบว่าส่วนใหญ่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครสูงถึง 48.1% โดยเฉพาะทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายหลัก ใกล้แหล่งงานหรือแหล่งชุมชน เช่น ทำเลพระราม 9  บางนา บางแค ลาดพร้าว และห้วยขวาง ทั้งนี้ จังหวัดในอันดับที่ 2-10 มีสัดส่วนอยู่ระหว่าง 1.4% ถึง 10.6% ในขณะที่จังหวัดอื่น ๆ มีความต้องการซื้อรวมเพียง 6.6%