เนิร์สซิ่งโฮมคนแก่มาแรง มูลค่าธุรกิจแตะระดับ 1.92 หมื่นล้าน
Loading

เนิร์สซิ่งโฮมคนแก่มาแรง มูลค่าธุรกิจแตะระดับ 1.92 หมื่นล้าน

วันที่ : 29 พฤศจิกายน 2566
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยว่า เนิร์สซิ่งโฮมเติบโตมากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาขยายตัวเฉลี่ยปีละ 25.1% ในช่วงปี 2561-2566 และคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 30.5% ในระหว่างปี 2567-2571
          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ผู้มีอายุเกินกว่า 60 ปี จะมีสัดส่วนมากกว่า 20.0% ของประชากรไทยทั้งหมด และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มถึง 28.0% ในปี 2578 แต่การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้สูงอายุยังเติบโตช้า และไม่เพียงพอต่อความ ต้องการเมื่อเทียบกับจำนวนผู้สูงอายุของไทย ที่ปัจจุบันมี 12.9 ล้านคน และคาดว่าจะมีผู้สูงอายุที่ต้องการที่อยู่อาศัยประมาณ 5% หรือประมาณ 650,000 คน แต่คาดการณ์ว่าอาจมีผู้สูงอายุที่เข้าสู่ระบบการบริการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเพียง 1.0% หรือ ประมาณ 130,000 คน
 
          ปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยรองรับผู้สูงอายุได้ เพียงไม่เกิน 20,000 คน ในกรุงเทพฯและปริมณฑล มี 435 แห่งรองรับได้ไม่เกิน 12,000 คน โดยมีสัดส่วนถึง 57.0% และ 61.4% ของทั่วประเทศ ตามลำดับ อีกทั้งโครงการส่วนใหญ่รองรับกลุ่มคนที่มีฐานะปานกลางค่อนข้างดีและฐานะดีขึ้นไป ทำให้กลุ่มที่มีฐานะปานกลางและฐานะไม่ดีนักยัง ขาดแคลนที่อยู่อาศัยจะเห็นได้ว่า ที่อยู่อาศัยสำหรับ ผู้สูงอายุของรัฐที่จัดให้บางแห่งในปัจจุบันมีผู้ลงชื่อรอขอเข้าอยู่อาศัย 2,500-3,000 คน แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดจัดที่อยู่อาศัยรองรับได้ จึงเป็นโจทย์ที่สำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาลในการหาแนวทาง ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในการรองรับผู้สูงอายุได้เพียงพอสำหรับทุกกลุ่ม

          นอกจากนี้ในการขับเคลื่อนนโยบายที่จะ ดึงดูดชาวต่างชาติในกลุ่มที่เกษียณอายุเข้ามาพำนักระยะยาวในประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จ ประเทศไทยต้องมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุที่มีมาตรฐานให้มีมากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนา Medical Hub และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งจะช่วยทำให้ประเทศไทยเป็น Retirement Heaven และ Retirement Destination สำหรับผู้สูงอายุทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากที่จะช่วยดึงดูดชาวต่างชาติที่ต้องการหาที่พำนักระยะยาวช่วงวัยเกษียณ และทำให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในโลก ด้วยเหตุผลทางการเงินที่มีค่าใช้จ่าย ที่สอดคล้องกับเงินบำนาญที่เขาได้รับ รวมถึงมีมาตรฐานและการบริการที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

          เนิร์สซิ่งโฮมสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย หรือ สถานบริบาลผู้สูงอายุ เป็นประเภทที่อยู่อาศัย ผู้สูงอายุที่มีการพัฒนาอย่างมากในปัจจุบัน โดย ณ ไตรมาส 2 ปี 2566 พบว่าทั่วประเทศมี 708 แห่ง จำนวนหน่วยที่เปิดให้บริการทั้งหมด 15,324 เตียง ใน 55 จังหวัด ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในจังหวัดหลักและจังหวัดหัวเมืองทางภูมิภาค เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑล เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ชลบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี เป็นต้น และพบว่าช่วงราคาเช่าที่โครงการกำหนดไว้ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ช่วงราคา 10,001-20,000 บาท มีสัดส่วน 42.6% รองลงมาอันดับสอง คือ ราคา 20,001-30,000 บาท มีสัดส่วน 36.1% และรองลงมาอันดับสามคือ ราคา 30,001-50,000 บาท มีสัดส่วน 14.2% และ ช่วงราคา 50,000 บาทขึ้นไป มีสัดส่วน 5.7% ทั้งนี้ ช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาท มีสัดส่วน 1.5% เท่านั้นสะท้อนให้เห็น เนิร์สซิ่งโฮมที่เข้าถึงได้ยังมีอยู่อย่างจำกัด

          "เนิร์สซิ่งโฮมเติบโตมากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาขยายตัวเฉลี่ยปีละ 25.1% ในช่วงปี 2561-2566 และคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 30.5% ในระหว่างปี 2567-2571 ด้วยขนาดธุรกิจไม่น้อยกว่า 9.5 พันล้านบาท ในปี 2571 และ ในช่วงปี 2572-2576 คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัว เฉลี่ยปีละ 15.0% และมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.92 หมื่นล้านบาท ในปี 2576 อีกทั้งยังอาจมีการพัฒนา ไปเป็นรูปแบบใหม่ๆ ในลักษณะธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้ประกอบการธุรกิจเนิร์สซิ่งโฮมอาจจะร่วมมือกับผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นอยู่ เช่น ห้องชุด บ้านแนวราบ โรงแรม รีสอร์ท โดยปรับพื้นที่บางส่วนในโครงการให้เป็นเนิร์สซิ่งโฮม เช่นนำห้องชุดเหลือขาย หรือที่อยู่อาศัยแนวราบ บางส่วนมาปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมฟังก์ชั่นเนิร์สซิ่งโฮมเข้าไป รองรับวัยเกษียณ"

          อีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจ คือ กลุ่มที่ต้องการปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิม จะเห็นได้ว่า ตัวเลขขั้นต่ำ ที่เป้าหมายในแผนการปรับปรุงที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุของกรมกิจการผู้สูงอายุมีมากกว่า 400,000 หลัง ในช่วงปี 2567-2579 ทั้งนี้ ยังไม่ได้นับรวมการปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิมของบุคคลทั่วไป และการปรับปรุงอาคารให้เป็นเนิร์สซิ่งโฮม ซึ่งนับรวมกันทั้งหมดก็จะมีปริมาณมาก สะท้อนให้เห็นโอกาสของตลาดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างที่อาจขยายตัวอีกมาก