ศูนย์ข้อมูลคาดอสังหาฟื้น จับตาออกมาตรการกระตุ้น
วันที่ : 11 กันยายน 2566
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) คาดหวังต่างชาติโอนคอนโดมิเนียม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 ฟื้นตัว จับตาออกมาตรการ กระตุ้นกำลังซื้อ ดึงเกณฑ์ LTV กลับมาใช้-ฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย เข้าประเทศ ไตรมาส 4
รายงานข่าวแจ้งว่า ครึ่งปีแรกปีนี้มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม ของคนต่างชาติ 7,338 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 14.7%ของหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั้งหมด มูลค่าคิดเป็น 24.5% หรือ 35,211 ล้านบาท มีหน่วยโอนฯ เพิ่มขึ้น 65.6% มูลค่าโอนฯ เพิ่มขึ้น 57.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยพบว่าสัญชาติจีนยังคงซื้อมากเป็นอันดับ 1 ขณะเศรษฐีสัญชาติเมียนมาซื้อห้องมีมูลค่าสูงที่สุดโดยซื้อราคาเฉลี่ย 7 ล้านบาท และสัญชาติอินเดียซื้อห้องที่มีขนาดพื้นที่เฉลี่ย 89.8 ตารางเมตร เมื่อเจาะลึกในรายละเอียด พบว่า 5 อันดับแรกที่มีการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นสัญชาติจีนมีการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า จำนวน 3,448 หน่วย มูลค่า 16,992 ล้านบาท อันดับ 2 คือรัสเซีย จำนวน 702 หน่วย มูลค่า 2,556 ล้านบาท อันดับ 3 สหรัฐอเมริกา จำนวน 293 หน่วย มูลค่า 1,289 ล้านบาท อันดับ 4 ฝรั่งเศส จำนวน 269 มูลค่า 1,127 ล้านบาท และอันดับ 5 สหราชอาณาจักร จำนวน 260 หน่วย มูลค่า 1,287 ล้านบาท ที่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมเมื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟรีวีซ่า จีน อินเดีย จูงใจให้เดินทางเข้าไทยได้อานิสงส์ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้อีกต่อหนึ่ง
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ( REIC) วิเคราะห์ว่า ภาพรวมอสังหาฯ ปีหน้า มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น คาดการณ์โอนกรรมสิทธิ์สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบปีที่ผ่านมาเกิดจาก คาดการณ์จากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวไม่มีตัวช่วยสนับสนุนกำลังซื้อ สถาบันการเงินเข้มงวดถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง ทั้งนี้หากต้องการให้อสังหาฯ ฟื้นตัวมีข้อเสนอแนะว่ารัฐบาลต้อง ออกมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ทั้งการนำมาตรการ LTVกลับมา การเพิ่มโควตาชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันกฎหมายอาคารชุดกำหนดไม่เกิน 49% เฉพาะจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจสำคัญรวมถึงเปิดโอกาสให้เอกชนรับซื้อคืนที่อยู่อาศัยเหมือนการเคหะแห่งชาติกรณีการผ่อนชำระผู้ซื้อไปไม่ไหว เป็นต้น ขณะเดียวกันรัฐบาลเศรษฐา 1 มีนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวฟรีวีซ่าจีนและอินเดีย ในช่วงไตรมาส 4 เชื่อว่าจะช่วยให้การมาของชาติดังกล่าว เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้น นอกจากการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามในภาพรวมช่วงสองไตรมาสแรกปีนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงอยู่กับปัจจัยลบในหลายด้าน ทั้งการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่เต็มที่ ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่เริ่มจะส่งผลทำให้ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนปรับตัวลงแล้ว ภาวะอัตราส่วนหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 90% ของ GDP ราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยลบเหล่านี้ได้ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนของอุปสงค์และอุปทานในตลาดที่อยู่อาศัยในช่วง 2 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยอุปสงค์มีการปรับตัวลดลงของหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ และยอดขายใหม่ที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ได้สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่ยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร และยังต้องการมาตรการกระตุ้นที่สำคัญ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความชัดเจนและตรงจุด ทั้งนี้ ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลใหม่ในการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่าเมื่อมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศมองว่าช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตต่อเนื่อง และมีมาตรการต่างๆ ออกมากระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ รวมถึงกำลังซื้อต่างชาติที่รัฐบาลกระตุ้นภาคท่องเที่ยว
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด ให้ความเห็นว่าจากข้อมูลของ REIC พบว่ากำลังซื้อต่างชาติในตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยยังเป็นที่ต้องการและยังมีอยู่ต่อเนื่องจากช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ