DHOUSE เล็งปั๊มงบแตะ100ล. อาคารพาณิชย์ดีมานด์สูง 
Loading

DHOUSE เล็งปั๊มงบแตะ100ล. อาคารพาณิชย์ดีมานด์สูง 

วันที่ : 7 มิถุนายน 2566
DHOUSE เตรียมเปิด 2 โครงการอาคารพาณิชย์ มูลค่า 100 ล้านบาท ในไตรมาส 2 นี้ ชี้ดีมานด์สูง มองธุรกิจฟื้นหลังจบโควิด มีลุ้นผลงานเทิร์นอะราวด์ พร้อมดันรายได้แตะ 100 ล้านบาท ฉายภาพอสังหา จังหวัดมหาสารคามแข่งดุ ชูจุดแข็งต้นทุนต่ำ
          นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์เพื่อขายหลากหลายรูปแบบ อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียมในจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมราว 100 ล้านบาท ภายใต้ชื่อโครงการ GRAND BIZ เฟส 2 จำนวน 10 ยูนิต มูลค่า 40-50 ล้านบาท โดยจะเปิดจองโครงการภายในไตรมาส 2/2566

          ผุดโครงการใหม่

          และโครงการพฤษภิรมย์ เฟส 2 จำนวน 10 ยูนิต มูลค่าเกือบ 50 ล้านบาท จะเปิดจองโครงการในไตรมาส 3/2566 โครงการใหม่ทั้ง 2 จะทำให้บริษัทมีสินค้า และยอดขายเพิ่มขึ้น เบื้องต้นจะมียอดขายเข้ามาปีนี้ราว 20 ล้านบาท

          ปัจจุบันบริษัทมีโครงการรอขายจำนวน 3 โครงการ ประกอบไปด้วย โครงการ GRAND BIZ เฟส 1 ขายแล้ว 80% และมีสินค้าพร้อมขายอีก 20% โครงการพฤษภิรมย์ เฟส 1 ขายแล้ว 30% และมีสินค้าพร้อมขายอีก 70% และโครงการ GRAND CANAL ขายแล้ว 50% และมีสินค้าพร้อมขายอีก 50%

          "โครงการเตรียมเปิดเร็วๆ นี้ จะเป็นโครงการอาคารพาณิชย์ เพราะผู้ประกอบการเริ่มกลับมาทำธุรกิจแล้ว หลังโควิดคลี่คลาย คาดดีมานด์อาคารพาณิชย์ที่ใช้ประกอบธุรกิจจะมีดีมานด์สูงขึ้น ตามการลงทุน" นายพงศ์พจน์ กล่าว

          ด้านกำลังซื้อผู้บริโภคในจังหวัดมหาสารคาม อาจจะทรงตัว เพราะรอดูความชัดเจนจากจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ อีกทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ยังคงจับตานโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหม่ ทำให้กำลังซื้อไม่ได้ฟื้นตัวหวือหวา หรือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

          ตุนต้นทุนที่ดินต่ำ

          ขณะที่การแข่งขันอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคาม ยังคงดุเดือด และมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาหลังจบโควิด แต่บริษัทไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผู้เล่นรายใหม่ เพราะบริษัทมีจุดแข็งด้านต้นทุนที่ดิน หรือแลนด์แบงก์สำหรับพัฒนาโครงการใหม่ ปัจจุบันบริษัทใช้ที่ดินพัฒนาโครงการไปเพียง 30% ของแลนด์แบงก์ทั้งหมด และมีที่ดินพร้อมพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต ซึ่งมีต้นทุนต่ำ

          นายพงศ์พจน์ กล่าวต่อว่า บริษัทคาดทิศทางผลประกอบการต่อจากนี้จะดีขึ้นต่อเนื่อง จากการเปิดโครงการใหม่ และรับรู้ยอดขายจากโครงการเดิม ปัจจุบันบริษัทมียอดรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ราว 20 ล้านบาท โดยจะทยอยโอนและรับรู้รายได้ เข้ามาช่วงที่เหลือต่อจากนี้

          บริษัทจะผลักดันผลประกอบการให้กลับมาเป็นบวกจากปีก่อนขาดทุน 23.81 ล้านบาท และคาดรายได้จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 100 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนมีรายได้เพียง 33.32 ล้านบาท ทั้งนี้ใน ไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้แล้วที่ 33.93 ล้านบาท และขาดทุนลดลงเหลือ 0.48 ล้านบาท

          สำหรับผลประกอบการที่ขาดทุนลดลงเป็นผลจากการรับรู้รายได้ธุรกิจค้าปลีก และการเช่าพื้นที่ รวมถึงสถานีบริการน้ำมัน

    
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ