หวั่นคอนโดฯ เมืองกรุงล้น
วันที่ : 11 พฤษภาคม 2566
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร เผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมยังต้องเฝ้าระวังมีแนวโน้มที่อาจเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายบางทำเล เนื่องจากหลายโครงการเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมราคาถูกจำนวนมาก
ดันพัฒนาราคาถูกฉกตลาด ค่าย 'ศุภาลัย-เอพีฯ' อวดกำไร
รายงานข่าวจาก ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในกลุ่มธุรกิจการเงิน เปิดเผยบทวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ กรุงเทพฯและปริมณฑลปี 66 ว่า มีโอกาสชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมี ความไม่แน่นอนและการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งมาตรการแอลทีวีที่เข้มงวดขึ้นทำให้ยอดขายปีนี้ไม่เติบโตต่อเนื่องจาก ปี 65 ที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว คาดว่ายอดขายจะลดลงประมาณ 3-4% สวนทางกับจำนวนยูนิตคงค้างที่อาจสูงสุดในรอบ 5 ปี
ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมยังต้องเฝ้าระวังมีแนวโน้มที่อาจเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายบางทำเล เนื่องจากหลายโครงการเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมราคาถูกจำนวนมาก ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนราคา 5-10 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในสำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ยังคงเน้นการระบายสินค้าคงเหลือ
ทั้งนี้แนะนำผู้ประกอบการควรพัฒนาโครงการโดยเลือกกลุ่มลูกค้าและทำเลอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมในพื้นที่ที่มีการเปิดใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-2 ล้านบาทค่อนข้างมาก ได้แก่ โซนบางนา รังสิตเพชรเกษม และรามอินทรา เนื่องจากอาจส่งผลให้พื้นที่เหล่านี้มีปริมาณห้องชุดที่มากเกินไป นอกจากนี้ยังมีโซนสุขุมวิทชั้นในที่สถานการณ์ตลาดการซื้อ-ขายคอนโดฯ ยังไม่ฟื้นตัว รวมไปถึงบางซื่อ เตาปูน และรัตนาธิเบศร์ ที่เน้นระบายสินค้าคงค้างเดิม
ทางด้านรายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย (ตลท.) กล่าวว่า บมจ.ศุภาลัยแจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกปี 66 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,080.41 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปี 65 ที่มีกำไร 1,177.81 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยนโยบาย และมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 5,641.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% แบ่งเป็นบ้านและทาวน์เฮาส์ 69% และอาคารชุด 31%
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม รวมโครงการร่วมทุน 100% และธุรกิจอื่น ๆ ได้สูงถึง 11,805 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ 1,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,154 ล้านบาท เท่ากับ 28% และในไตรมาส 2 เอพีเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่า 21,030 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 9,380 ล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่า 8,150 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 3,500 ล้านบาท
รายงานข่าวจาก ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในกลุ่มธุรกิจการเงิน เปิดเผยบทวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ กรุงเทพฯและปริมณฑลปี 66 ว่า มีโอกาสชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมี ความไม่แน่นอนและการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งมาตรการแอลทีวีที่เข้มงวดขึ้นทำให้ยอดขายปีนี้ไม่เติบโตต่อเนื่องจาก ปี 65 ที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว คาดว่ายอดขายจะลดลงประมาณ 3-4% สวนทางกับจำนวนยูนิตคงค้างที่อาจสูงสุดในรอบ 5 ปี
ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมยังต้องเฝ้าระวังมีแนวโน้มที่อาจเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายบางทำเล เนื่องจากหลายโครงการเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมราคาถูกจำนวนมาก ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนราคา 5-10 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในสำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ยังคงเน้นการระบายสินค้าคงเหลือ
ทั้งนี้แนะนำผู้ประกอบการควรพัฒนาโครงการโดยเลือกกลุ่มลูกค้าและทำเลอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมในพื้นที่ที่มีการเปิดใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-2 ล้านบาทค่อนข้างมาก ได้แก่ โซนบางนา รังสิตเพชรเกษม และรามอินทรา เนื่องจากอาจส่งผลให้พื้นที่เหล่านี้มีปริมาณห้องชุดที่มากเกินไป นอกจากนี้ยังมีโซนสุขุมวิทชั้นในที่สถานการณ์ตลาดการซื้อ-ขายคอนโดฯ ยังไม่ฟื้นตัว รวมไปถึงบางซื่อ เตาปูน และรัตนาธิเบศร์ ที่เน้นระบายสินค้าคงค้างเดิม
ทางด้านรายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย (ตลท.) กล่าวว่า บมจ.ศุภาลัยแจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกปี 66 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,080.41 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปี 65 ที่มีกำไร 1,177.81 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยนโยบาย และมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 5,641.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% แบ่งเป็นบ้านและทาวน์เฮาส์ 69% และอาคารชุด 31%
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม รวมโครงการร่วมทุน 100% และธุรกิจอื่น ๆ ได้สูงถึง 11,805 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ 1,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,154 ล้านบาท เท่ากับ 28% และในไตรมาส 2 เอพีเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่า 21,030 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 9,380 ล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่า 8,150 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 3,500 ล้านบาท
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ