CPANEL อิฐมวลเบาขาดหนุนดีมานด์คอนกรีตโต
วันที่ : 13 ธันวาคม 2565
CPANEL เผยแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมปี 2566 เชื่อว่าอสังหาค่อนข้างคึกคัก ด้วยอานิสงส์จากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งพฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไปหลังโควิด เช่น Work From Home, Social Distancing มากขึ้น ส่งผลให้จำนวนบ้านจัดสรร และคอนโดในกรุงเทพฯ เป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะแนวรอบปริมณฑล ประกอบกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ระยะเวลาส่งมอบงานที่สั้นลง
CPANEL ส่งซิกธุรกิจปี 2566 โตต่อ ชี้อิฐมวลเบาขาดหนุนดีมานด์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปขายดี ย่องเจรจารับออเดอร์ใหม่ 300 ล้านบาท ฟากผู้บริหารเล็งประกาศแผนธุรกิจต้นมกราคม ปี 2566 คอนเฟิร์มยอดปีนี้เข้าเป้าหรือโต 35% กอดแบ็กล็อกแน่น 1.03 พันล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจปี 2566 จะเติบโตดีต่อจากปีนี้ เพราะจากสถานการณ์ที่อิฐมวลขาดตลาด ส่งผลให้ดีมานด์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันช่วงท้ายปีนี้บริษัทเจรจากับลูกค้าหลายรายเพื่อรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์)
ดีลออเดอร์ใหม่
โดยปัจจุบันเจรจากับลูกค้า คิดเป็นมูลค่า 200-300 ล้านบาท คาดจะสรุปเร็วๆ นี้ และจะเป็นงานผลิตพร้อมกับส่งมอบให้ลูกค้าในปีถัดไป สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 บริษัทจะประกาศแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงต้นเดือนมกราคม 2566 เบื้องต้นคาดว่าจะเติบโตตามอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ราคาระดับ A และ C ซึ่งขยายโครงการอย่างต่อเนื่องตามดีมานด์ของผู้อยู่อาศัย
อีกทั้งการเร่งการก่อสร้างเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าให้ทัน ก่อนที่ภาครัฐจะยกเลิกมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ที่จะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดีมานด์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปมีแนวโน้มสูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมปี 2566 บริษัทเชื่อว่าอสังหาค่อนข้างคึกคัก ด้วยอานิสงส์จากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งพฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไปหลังโควิด เช่น Work From Home, Social Distancing มากขึ้น ส่งผลให้จำนวนบ้านจัดสรร และคอนโดในกรุงเทพฯ เป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะแนวรอบปริมณฑล ประกอบกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ระยะเวลาส่งมอบงานที่สั้นลง
ผลงานเข้าเป้า
ส่วนปีนี้บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้า โดยบริษัทปรับเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเป็นโต 35% จากเดิมตั้งเป้าโต 25% โดย 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้แล้วที่ 316.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิแล้ว 48.98 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 จำนวน 1,038.50 ล้านบาท ซึ่งคาดจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 4/2565 ที่ 104.68 ล้านบาท และภายในปี 2566 อีก 933.82 ล้านบาท
ด้านการขยายโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป เฟส 2 ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปด้วยระบบการผลิตแบบ Fully Automated เพิ่มกำลังการผลิตอย่างน้อย 792,000 ตารางเมตร ต่อปี บริษัทวางงบลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยระยะเวลาการก่อสร้างคาดเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 4/2565 จนถึงไตรมาส 4/2566 คาดจะเริ่มผลิตดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1/2567 จะทำให้ผลิต Precast Concrete ได้ในปริมาณที่ มากขึ้น และส่งมอบงานได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงบริษัทจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างดี ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจปี 2566 จะเติบโตดีต่อจากปีนี้ เพราะจากสถานการณ์ที่อิฐมวลขาดตลาด ส่งผลให้ดีมานด์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันช่วงท้ายปีนี้บริษัทเจรจากับลูกค้าหลายรายเพื่อรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์)
ดีลออเดอร์ใหม่
โดยปัจจุบันเจรจากับลูกค้า คิดเป็นมูลค่า 200-300 ล้านบาท คาดจะสรุปเร็วๆ นี้ และจะเป็นงานผลิตพร้อมกับส่งมอบให้ลูกค้าในปีถัดไป สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 บริษัทจะประกาศแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงต้นเดือนมกราคม 2566 เบื้องต้นคาดว่าจะเติบโตตามอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ราคาระดับ A และ C ซึ่งขยายโครงการอย่างต่อเนื่องตามดีมานด์ของผู้อยู่อาศัย
อีกทั้งการเร่งการก่อสร้างเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าให้ทัน ก่อนที่ภาครัฐจะยกเลิกมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ที่จะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดีมานด์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปมีแนวโน้มสูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมปี 2566 บริษัทเชื่อว่าอสังหาค่อนข้างคึกคัก ด้วยอานิสงส์จากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งพฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไปหลังโควิด เช่น Work From Home, Social Distancing มากขึ้น ส่งผลให้จำนวนบ้านจัดสรร และคอนโดในกรุงเทพฯ เป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะแนวรอบปริมณฑล ประกอบกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ระยะเวลาส่งมอบงานที่สั้นลง
ผลงานเข้าเป้า
ส่วนปีนี้บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้า โดยบริษัทปรับเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเป็นโต 35% จากเดิมตั้งเป้าโต 25% โดย 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้แล้วที่ 316.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิแล้ว 48.98 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 จำนวน 1,038.50 ล้านบาท ซึ่งคาดจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 4/2565 ที่ 104.68 ล้านบาท และภายในปี 2566 อีก 933.82 ล้านบาท
ด้านการขยายโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป เฟส 2 ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปด้วยระบบการผลิตแบบ Fully Automated เพิ่มกำลังการผลิตอย่างน้อย 792,000 ตารางเมตร ต่อปี บริษัทวางงบลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยระยะเวลาการก่อสร้างคาดเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 4/2565 จนถึงไตรมาส 4/2566 คาดจะเริ่มผลิตดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1/2567 จะทำให้ผลิต Precast Concrete ได้ในปริมาณที่ มากขึ้น และส่งมอบงานได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงบริษัทจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างดี ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ