ที่ดินแฮปปี้แลนด์ มูลค่าทางเศรษฐกิจสูง สายสีเหลืองดันราคาที่ดินพุ่ง
Loading

ที่ดินแฮปปี้แลนด์ มูลค่าทางเศรษฐกิจสูง สายสีเหลืองดันราคาที่ดินพุ่ง

วันที่ : 3 กรกฎาคม 2565
ย่านบางกะปิยังมีที่ดินแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพรอการพัฒนา โดยเฉพาะที่ดินแฮปปี้แลนด์ ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวอยู่บริเวณที่เป็นจุดศูนย์กลางความเจริญในย่านลาดพร้าว บางกะปิ รามคำแหง
          บางกะปิ ย่านการค้าเก่าแก่สำคัญรายล้อมไปด้วยชุมชนขนาดใหญ่ ปัจจุบันนอกจากได้เปรียบทางด้านการเดินทาง ทางรถยนต์เชื่อมโยงถนนสายสำคัญแล้ว ยังมีรถไฟฟ้ารางเบาสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) โมโนเรล สายแรกของประเทศไทย วงเข้าพื้นที่รับส่งคนในย่านดังกล่าวไปยังแหล่งงานกลางใจเมืองได้อย่างรวดเร็ว

          ล่าสุดมีกำหนดเปิดให้บริการช่วงแรกเดือน มกราคม ปี 2566 (สถานีสำโรง ถึง สถานีหัวหมาก) และทุกสถานี เดือนมิถุนายน ปี 2566 ประเมินว่าจะเกิดความคึกคักดึงดูดนักลงทุนเข้ามายังบางกะปิมากขึ้น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีศักยภาพสูง เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง ใกล้จุดตัดรถไฟฟ้า 3 สายในอนาคต ประกอบด้วยสายสีเหลือง สายสีส้ม และสายสีน้ำตาลอีกทั้งผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่(ปรับปรุงครั้งที่ 4) ยกระดับให้บางกะปิเป็นย่านพาณิชยกรรมรอง โชนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร(กทม.) โดยต้องการให้ย่านนี้มีกิจกรรมผสมผสานทั้ง สถานศึกษา สถานที่ทำงาน ที่อยู่พักอาศัย การค้า พาณิชยกรรม และแหล่งช็อปปิ้ง (ห้างสรรพสินค้า) โดยไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายคนเข้าไปกระจุกตัวในศูนย์กลางเมือง

          อย่างไรก็ตาม ย่านบางกะปิยังมีที่ดินแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพรอการพัฒนา โดยเฉพาะที่ดินแฮปปี้แลนด์ ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวอยู่บริเวณที่เป็นจุดศูนย์กลางความเจริญในย่านลาดพร้าว บางกะปิ รามคำแหง อีกทั้ง ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเพียง 200 เมตร และติดถนนแฮปปี้แลนด์สาย 1 และ 2 นอกจากจะอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถเดินทางเชื่อมโยงไปสู่ถนนลาดพร้าว นวมินทร์ รามอินทราได้อีกด้วย ราคาที่ดินจึงกลับมามีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง

          "ฐานเศรษฐกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ชยวีร์ คีตวรนาฏ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้แลนด์ กรุ๊ป จำกัด ผู้คว่ำหวอดในแวดวงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มานานเกือบ 50 ปีโดยเล่าว่าชื่อของ "แฮปปี้แลนด์" เริ่มต้นในปี 2516 จากธุรกิจสวนสนุกที่คุณพ่อใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดกำลังซื้อเข้าพื้นที่ เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและพื้นที่การค้า บริษัท แฮปปี้แลนด์ฯ มีที่ดินรอการพัฒนาอยู่หลายแปลง หนึ่งในที่ดินที่มีศักยภาพมากที่สุดคือที่ดิน แฮปปี้แลนด์ จำนวน 2 แปลงรวมเนื้อที่ 13 ไร่ ที่ผ่านมาบริษัทได้แบ่งขายให้กับ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน มูลค่า 1,200 ล้านบาท ทำสัญญาจะซื้อจะขาย และนัดโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 ในสัญญามีเงื่อนไขว่ากรณีทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อีไอเอ (EIA) ไม่ผ่าน ให้เลื่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ ออกไปได้อีก 60 วัน คือวันที่ 27 เมษายน 2562 เนื่องจากวันดังกล่าวตรงกับวันหยุดราชการจึงเลื่อนเป็นวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2562 ในสัญญายังระบุอีกว่า หากในที่สุดแล้วอีไอเอ (EIA) ไม่ผ่าน เอกชนคู่สัญญาต้องรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือยกเลิกสัญญาโดยยอมให้ บริษัทแฮปปี้แลนด์ยึดเงินจอง 5 ล้านบาท

          "ชยวีร์" อธิบายต่อว่า การโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างกันไม่คืบหน้าเพราะผู้จะซื้อที่ดินได้ยื่นขออีไอเอ (EIA) ก่อนครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ เพียง 10 วัน ขณะข้อเท็จจริงระยะเวลาการยื่นขออีไอเอ ต้องใช้เวลาประมาณ 5-8 เดือน ทั้งนี้การยื่นขออีไอเอ ได้ยื่นใช้ในนาม บริษัท แฮปปี้แลนด์ ตามเงื่อนไขสัญญา ประกอบกับก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ไม่กี่วัน ลูกบ้านในชุมชน ที่ซื้อโครงการแฮปปี้แลนด์ไปก่อนหน้านี้ ได้ยื่นฟ้องบริษัทโดยอ้างว่า ยังส่งมอบเขตทางของถนนไม่ครบทั้ง 8 เมตร และขอพื้นที่ในส่วนที่จะขายให้กับเอกชนคู่สัญญา เพิ่ม 4 เมตร เพื่อจดภาระจำยอม ทำให้เอกชนคู่สัญญาติดต่อขอโอนกรรมสิทธิ์บางส่วนก่อน 6 ไร่ พร้อมทั้งขอลดราคาซื้อขายจาก 2.4 แสนบาทต่อตารางวา เหลือ 2 แสนบาทต่อตารางวา ทำให้บริษัทไม่ยินยอม

          ในเวลาต่อมาคู่สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินได้บอกเลิกสัญญา โดยอ้างว่า บริษัท แฮปปี้แลนด์ ยังมีคดีฟ้องร้องกับลูกบ้านในชุมชนดังกล่าว แต่บริษัทมองว่าเรื่องที่ลูกบ้านฟ้องไม่ใช่ประเด็นการยกเลิกสัญญา ในทางกลับกันคดีลูกบ้านฟ้องดังกล่าว ณ ปัจจุบันถึงที่สุดแล้วและบริษัทเป็นฝ่ายชนะคดีทั้ง 3 ศาลกับลูกบ้าน บริษัทได้พยายามอธิบายคู่สัญญามาโดยตลอดว่า การฟ้องร้องของลูกบ้านไม่มีมูลความจริง แต่ในที่สุดแล้ว เอกชนคู่สัญญากลับฟ้องบริษัท เรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท จากการเสียโอกาสพัฒนาเพราะไม่สามารถส่งมอบที่ดินได้ และในที่สุดเรื่องได้ยุติลงตามคำสั่งศาลชั้นต้น ให้บริษัทแฮปปี้แลนด์คืนเงินวางดาวน์และวางมัดจำรวม 300 ล้านบาทแก่เอกชนคู่สัญญาในขณะนั้น แต่ในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้แฮปปี้แลนด์ยึดเงินมัดจำไว้ได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

          "ลูกบ้านเริ่มต้นฟ้องในช่วงที่จะถึงวันโอนให้กับเอกชนคู่สัญญา ซึ่งเราชี้แจงว่าลูกบ้านฟ้องเพื่อป่วนไม่มีทางชนะบริษัท แฮปปี้ แลนด์ได้ แต่เอกชนคู่สัญญาในครั้งนั้น ใช้จุดนี้เป็นข้ออ้างว่าบริษัทมีคดี แต่จะจริงหรือไม่ตนไม่ทราบ"

          อย่างไรก็ตาม บริษัทขอชี้แจงว่า ในข้อเท็จจริง

          1.ที่ดินแฮปปี้แลนด์ ไม่ติดปัญหาภาระจำยอมใดๆ สามารถก่อสร้างตึกสูงได้ เพราะศักยภาพที่ดินมีหน้ากว้าง 50 เมตรติดถนนแฮปปี้แลนด์สาย1 ขนาดเขตทาง กว้าง 30 เมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 200 เมตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องซื้อตึกแถวเพิ่ม 40-50 ห้องเพื่อทำทางเข้าออก

          2.คดีระหว่างบริษัทแฮปปี้ แลนด์และลูกบ้าน กรณีฟ้องร้องเรื่อง เขตทางภายในโครงการได้ยุติลงถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลแล้ว โดยบริษัทเป็นผู้ชนะคดีทั้ง3ศาล

          3.การยื่นขออีไอเอ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมของเอกชนคู่สัญญาก่อนหน้านี้ ไม่มีการต่อต้านของชุมชน มีเพียงคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมมีคำสั่งให้ไปปรับแก้ในบางประเด็นให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนส่งกลับสู่การพิจารณาอีกครั้งเท่านั้น มิใช่ ผลการประเมินที่ห้ามมิให้ก่อสร้างหรือไม่สามารถสร้างโครงการคอนโดมิเนียมแต่อย่างใด

          4.มูลค่าที่ดินแฮปปี้แลนด์ ปัจจุบันอยู่ที่ 3 แสนบาทต่อตารางวา เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองใกล้เปิดใช้เส้นทางแล้ว ในอนาคตแม้ราคาที่ดินจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ปัจจุบันบริษัทยังคงยืนราคาขายที่ 2.4 แสนบาทต่อตารางวา ให้กับนักลงทุนรายใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว

          "นี่คือที่ดินแปลงใหญ่ผืนสุดท้ายในย่านบางกะปิ ที่มีศักยภาพสูงน่าจับตายิ่ง สำหรับที่ดินแฮปปี้แลนด์"
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ