โอมิครอน ถล่มตลาดหุ้น ดัชนี2วันร่วงเฉียด60จุด
Loading

โอมิครอน ถล่มตลาดหุ้น ดัชนี2วันร่วงเฉียด60จุด

วันที่ : 30 พฤศจิกายน 2564
เศรษฐกิจไทยในปี 65 จะสามารถขยายตัวได้ระหว่าง 3.5-4.5% โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐผ่านเม็ดเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท
         'โอมิครอน' ถล่มตลาดหุ้น-ดัชนี2วันร่วงเฉียด60จุด

         "โอมิครอน" พิษโควิดสายพันธุ์ใหม่ ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ตลาดหุ้นไทยรวม 2 วันร่วงไปกว่า 58.77 จุด ดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ 1,600 จุด ปิดที่ 1,589.69 จุด ลดลง 20.92 จุด "อาคม" ชี้กระทบตลาดหุ้นทั่วโลก ต้องติดตามใกล้ชิด มั่นใจปี 65 จีดีพีโตได้ 3.5-4.5% จากการลงทุนภาครัฐ 1 ล้านล้านบาทเป็นตัวขับเคลื่อน ขณะที่ธปท.จับตาผลกระทบ ก่อนประเมินปรับจีดีพีปีหน้า พันธบัตร "ออมไปด้วยกัน" วงเงิน 8 หมื่นล้านบาท ขายเกลี้ยงแล้ว

          บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (29 พ.ย.) ยังคงได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ จนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา และหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด แตะระดับต่ำสุด 1,587.78 จุด สูงสุดที่ 1,617.55 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,589.69 จุด ลดลงกว่า 20.92 จุด หรือคิดเป็น 1.30% มูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 115,806.02 ล้านบาท

          ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า 4,370.36 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 3,368.48 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,070.54 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 8,809.38 ล้านบาท

          สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ราคาปิดที่ 136.50 บาท ลดลง 6.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 8,665.46 ล้านบาท บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 3.25 บาท มูลค่าการ ซื้อขาย 5,895.15 ล้านบาท และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปิดที่ 123.50 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,719.40 ล้านบาท ปิดที่ 123.50 บาท

          นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน จากความกังวลไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน" ระบาดเข้าสู่ประเทศในยุโรป ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด โดยเฉพาะมีแรงขายหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวออกมาต่อเนื่อง โดยหุ้นที่กดดันตลาดมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มแบงก์ ขณะที่หุ้นนำตลาด ได้แก่ กลุ่มการแพทย์ และ โรงพยาบาล ส่วนประเด็นที่ต้องจับตาช่วงนี้ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเป็นสายพันธุ์ที่อันตราย และอาจแพร่เชื้อได้รวดเร็วขึ้น

          รัฐบาลอัดฉีด 1 ล้านล้านฟืน ศก.ปีหน้า

          นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากการระบาด โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง ถือเป็นภาวะตกใจ เนื่องจาก ยังไม่ชัดเจนในเรื่องของความรุนแรงของเชื้อ ต้องได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลก แต่เรื่องการแพร่ระบาดนั้นเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ขณะเดียวกัน วัคซีนที่มีอยู่จะสามารถป้องกันได้หรือไม่และการรักษาจะปลอดภัยหรือไม่ฉะนั้น เรื่องโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่นั้น ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

          อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในปี 65 จะสามารถขยายตัวได้ระหว่าง 3.5-4.5% โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐผ่านเม็ดเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท จากส่วนราชการประมาณ 6 แสนล้านบาท รัฐวิสาหกิจอีก 3 แสนล้านบาท และเม็ดเงินที่เหลือจาก พ.ร.ก. กู้เงินอีกราว 3 แสนล้านบาท จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

          "นโยบายด้านการคลังยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า ฉะนั้น ขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะเป็นผู้ใช้จ่ายเม็ดเงินเข้าไปหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ โดยจะดำเนินการผ่านทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่เม็ดเงินที่จะใช้ในการเยียวยาประชาชนและธุรกิจอาจจะลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจและภาคธุรกิจเริ่มฟืนตัว การจ้างงานและรายได้ของประชาชน ก็จะกลับมา"

          ขณะเดียวกัน จะให้ความสำคัญกับสังคมดิจิทัล โดยในภาคตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก็ได้ร่วมมือกับ ก.ล.ต. และกระทรวงการคลัง ก็ให้การสนับสนุนในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล ซึ่งในเรื่องฟินเทค และคริปโต จะเห็นความคึกคักในปี 2565 ฉะนั้น จะดำเนินการพัฒนาแผนตลาดทุนให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยดิจิทัลเข้ามามีอิทธิพลมาก ตลาดทุนก็ต้องมีการปรับโครงสร้างตัวเอง

          นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศ ไทย ระบุว่า เศรษฐกิจไทยก่อนหน้าจะมีโอมิครอนระบาด คาดจะเป็นบวก 3.9% ในปี 65 ที่แบงก์ชาติประเมิน ถ้าหากนักท่องเที่ยวเกิน 10 กว่าล้านคน จะให้จีดีพีถึง 5% ไม่ใช่เรื่องยาก แต่วันนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจากที่คาด 6 ล้านคน ในปี 65 จะถึงหรือเปล่า เป็นสิ่งที่แบงก์ชาติจะมาทบทวนเศรษฐกิจใหม่ในช่วงปลายเดือน ธ.ค.นี้ จะนำโอมิครอนเข้ามา ประเมินด้วย แต่ยืนยันระบบธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่ง เป็นตัวกลางรับมือความไม่แน่นอนได้

          บอนด์ออมไปด้วยกัน 8 หมื่นล.ขายเกลี้ย

          นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่าการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น "ออมไปด้วยกัน" วงเงิน 80,000 ล้านบาท ซึ่งจำหน่ายผ่านทั้งวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง และ 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย ระหว่างวันที่ 15-29 พฤศจิกายน 2564 สามารถจำหน่ายได้ครบวงเงินทั้งหมดแล้ว

          "สบน. ขอขอบคุณประชาชนและนิติบุคคล ที่ไม่แสวงหากำไรที่ให้ความสนใจลงทุนพันธบัตรออมทรัพย์รุ่น "ออมไปด้วยกัน" และขอบคุณธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้" นางแพตริเซีย กล่าว
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ