HMPRO เปิดครบพรุ่งนี้ ยิ่งใช้ยิ่งได้-ออนไลน์หนุน
Loading

HMPRO เปิดครบพรุ่งนี้ ยิ่งใช้ยิ่งได้-ออนไลน์หนุน

วันที่ : 31 สิงหาคม 2564
ในช่วงที่ปิดสาขาบริษัทได้ ขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ พบว่ามีการเติบโตที่ดีซึ่งบริษัทก็เตรียมพร้อมสินค้าต่างๆ เพื่อรองรับลูกค้าในทุกด้าน
          ดีเดย์เปิดห้างสรรพสินค้า ครบ 1 กันยายนนี้ HMPRO พร้อม เปิด 30 สาขา หลังปิดนาน 1 เดือน รับจะดีกว่า กรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา ปรับตัวสู่อีคอมเมิร์ซโดดเด่น SSSG ยังเป็นบวก เล็งเปิดสาขาใหม่พฤศจิกายน นี้ ด้านนักวิเคราะห์ชี้ดันยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ไตรมาส 3 ผลงานไม่ลง มาก จับตายอดขายเพิ่มขึ้นตามอสังหา มียิ่งใช้ยิ่งได้เป็นตัวหนุน ส่วน CRC มองฟื้นปีหน้า เดินหน้า M&A ด้าน "เซียนมี่" แนะวิธีดูหุ้น เปิดเมือง

          นายรักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้จัดการทั่วไปฝ่าย นักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์และความยั่งยืน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยว่า จากการที่ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ข้อกำหนดคลายล็อก 29 จังหวัดสีแดงเข้ม มีผล 1 กันยายนนี้ ทางบริษัทจะสามารถกลับมาเปิดสาขาได้ ทั้งหมด จากที่ผ่านมาได้ปิดสาขาไป 25-30 แห่ง ส่วนใหญ่ จะเป็นสาขาโฮมโปร และเมกาโฮมบางส่วน ตามมาตรการ ล็อกดาวน์ที่รัฐบาลประกาศบังคับใช้ ซึ่งบริษัทได้มีการปิดสาขาไปตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ปัจจุบันพนักงานของบริษัทในพื้นที่สีแดงเข้ม เกือบทั้งหมดได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว

          โดยในช่วงเริ่มต้นกำลังซื้อในห้างอาจจะยังไม่กลับมาได้ในระดับปกติ แต่ถือว่าดีกว่าในช่วงที่ ผ่านมา เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการเปิดสาขาโฮมโปร 1 สาขา ในเดือนพฤศจิกายน จากปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมดแบ่งออก เป็น โฮมโปร ทั้งหมด 86 สาขา ในกรุงเทพฯ 29 สาขา ต่างจังหวัด 57 สาขา, โฮมโปร S มีทั้งหมด 8 สาขา, เมกาโฮม 14 สาขา และ โฮมโปร มาเลเซีย 7 สาขา ทั้งนี้แผนการขยายสาขาในอนาคต ทั้งสาขาโฮมโปร เมกาโฮม และในประเทศมาเลเซีย บริษัทยังมองว่าเป็นตลาดที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

          อีคอมเมิร์ซพุ่งพรวด

          นายรักพงศ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ปิดสาขาบริษัทได้ ขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ พบว่ามีการเติบโตที่ดีซึ่งบริษัทก็เตรียมพร้อมสินค้าต่างๆ เพื่อรองรับลูกค้าในทุกด้าน รวมถึงการขนส่ง ทั้ง Same Day หรือ Next Day จึงทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าอย่างรวดเร็ว

          และมีนโยบายการเพิ่มสินค้า Private Brand ปัจจุบันมีจำนวน 36 แบรนด์สินค้า และ 5,000 รายการ บริษัทก็ยังมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อออกมาตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

          บริษัทมียอดขายสาขาเดิม SSSG บวกอยู่ในช่วง 6 เดือนแรก เนื่องจากได้มีการกระตุ้นจากเดิมจะมีงานจัดงานโฮมโปร เอ็กซ์โป ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ของบริษัท แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น จึงได้เปลี่ยนการมาจัดงานในทุกสาขา รวมถึงการจำหน่ายผ่านออนไลน์

          ส่วนทิศทางไตรมาส 3/2564 ยังประเมินได้ยาก การเติบโตอาจจะใกล้เคียงกับตัวเลข GDP ของประเทศ

          อสังหา-มาตรการรัฐหนุน

          ด้าน นายมงคล ม่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเปิดสาขาของ HMPRO จะส่งผลให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เร็ว หลังจากก่อนหน้านี้มีการระงับขายสินค้าบางอย่าง ที่ทางการห้ามขาย ขณะเดียวกันผลงาน ไตรมาส 3 ของ HMPRO ก็ไม่ได้ลดลงมากนัก เนื่องจากยังมีหลายสาขาที่เปิดให้บริการอยู่ คาดว่า ผลงานจะลดลงไม่เยอะราว 10-20% นอกจากนี้ที่ผ่านมา บริษัทยังได้ปรับตัวมีการเปิดขายสินค้าออนไลน์ มียอดขายที่เพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นการปรับตัว

          นอกจากนี้ยอดขายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นตามยอดขายอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม บ้าน โดยเฉพาะสินค้าตกแต่ง ดังนั้นหากมีการซื้อขายโอนมากขึ้นก็จะทำให้ HMPRO เติบโตได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังมีมาตรการกระตุ้นผ่านโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งเป็นคีย์สำคัญในการเพิ่มยอดขายของ HMPRO ซึ่งเมื่อมีการเปิดเศรษฐกิจแล้ว จะส่งผลดี กับ HMPRO อย่างมากโดยเฉพาะในช่วงปลายปี โดยมองแนวต้านอยู่ที่ 15 บาท

          ขณะที่ GLOBAL ก็มีแนวโน้มที่ดี และมองว่าผลกระทบไตรมาส 3/2564 เพราะสินค้าส่วนใหญ่เป็นวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้รับผลกระทบ มองว่าหากกำไรกลับไปได้ในไตรมาส 4 ที่ระดับ 900 ล้านบาทได้ ราคาก็น่าจะกลับไปใกล้ๆ 23-24 บาท

          CRC มองกาลังซื้อฟื้นปลายปี

          นายไท จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า จากการที่ให้กลับมาเปิดห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่ 1 กันยายนนี้ คาดว่ากำลังซื้อ มีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี แต่ผลการดำเนินงานในปีนี้อาจติดลบในลักษณะตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ อย่างไรก็ดี ในปี 2565 บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานจะฟื้น และตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ (M&A) หลายดีล ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนปีหน้ามองว่าจะเข้ามาช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานในปีหน้าเป็น Bullish ขณะที่ภาพรวมตลาดในยุโรปโดยเฉพาะที่สาขาในอิตาลี มองว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะยังสามารถช่วยพยุงยอดขายเข้ามาได้อยู่ เนื่องจากประเทศในแถบยุโรปกลับมามีการเปิดเมือง

          สำหรับกลยุทธ์การขายของบริษัทยังคงเน้นการดำเนินงานแบบ Omni Chanel  โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ที่ยอดขายจากช่องทางออนไลน์ยังมีเข้ามาช่วยสร้างยอดขายรวมได้ดีในระดับหนึ่ง ส่วนประเด็นเรื่องการแข่งขันการขายของช่องทางอีคอมเมิร์ซ แอปสีส้มและแอปสีม่วงนั้น มองว่าแม้ราคาขายของ CRC จะสูงกว่าแต่ก็เป็นการการันตีว่าสินค้าทุกชิ้นมีคุณภาพ และเป็นของแบรนด์แท้

          วิธีคิดหุ้นเปิดเมือง

          ด้าน นายทิวา ชินธาดาพงศ์ หรือ เซียนมี่ นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เปิดเผยว่า การลงทุนขณะนี้ จะเน้นไปที่หุ้นเปิดเมือง โดยการที่บริษัทนั้นๆ สามารถ อยู่รอดได้ และมีการปรับตัวสามารถ มีสภาพคล่องเพื่อ การขยายการลงทุน ซื้อกิจการ จะน่าสนใจ โดยนักลงทุน จะต้องเข้าไปดูว่าบริษัทมีการลดต้นทุน หรือ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ และต้นทุนนั้นๆ ลดลงระยะยาวหรือไม่ ซึ่งการ ที่บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้น ก็จะทำให้ได้รับผลดีมากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ