BTS ดีลพันธมิตรลงทุนเมืองการบิน อู่ตะเภา
วันที่ : 21 กรกฎาคม 2564
บนพื้นที่กว่า 7 พันไร่รอบสนามบินอู่ตะเภา โดยจะแบ่งการลงทุนเป็น 3 เฟส ระยะเวลาการก่อสร้าง 3-5 ปี
BTS เดินหน้าเจรจาพันธมิตร ร่วมลงทุนโครงการ "เมืองการบินภาค ตะวันออก" บนพื้นที่กว่า 7 พันไร่ รอบสนามบินอู่ตะเภา เล็งเฟสแรกผุดคาร์โก้ ดิวตี้ฟรี บ้าน คอนโด โรงแรม ห้างสรรพสินค้า มั่นใจสร้างเสร็จภาวะเศรษฐกิจฟื้น ทั่วโลกมีกำลังเดินทางท่องเที่ยว - ขยายฐานลงทุน ย้ำพร้อมหาเงินทุน อัตราดอกเบี้ยเหมาะสม
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่ากลุ่ม บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA เริ่มเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนในโครงการ "เมืองการบินอู่ตะเภา" บนพื้นที่กว่า 7 พันไร่รอบสนามบินอู่ตะเภา ควบคู่กับการจัดทำแผนผังโครงการ โดยจะแบ่งการลงทุนเป็น 3 เฟส โดย พื้นที่สำหรับคาร์โก และ Free Trade Zone จะมีประมาณ 262 ไร่ หรือ 4.19 แสนตารางเมตร รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สามารถเริ่มพัฒนาได้เป็น 2 เฟสแรก มูลค่าโครงการกว่า 2 แสนล้านบาท
เบื้องต้นกลุ่มบริษัทไม่มีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจาก โครงการสนามบิน-เมืองการบินภาคตะวันออก เป็นโครงการขนาดใหญ่ ระยะเวลาการก่อสร้าง 3-5 ปี ซึ่งคาดว่าจะเป็นจังหวะที่ภาวะเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจในประเทศอยู่ระหว่างการขยายตัวเหมาะสมต่อการลงทุน และเร่งขยายธุรกิจ รวมถึงประชากรโลกก็เริ่มกลับมามีศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยอีกครั้ง
"ตอนนี้ได้เริ่มวางแผนผังโครงการ ควบคู่กับการเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 3-5 ปี ก็น่าจะ เป็นจังหวะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวคนเริ่มมีกำลังเดินทางท่องเที่ยว ภาคธุรกิจก็เริ่มมีเงินสะสมพร้อมที่จะขยายการลงทุนออกไปในหลายๆ ประเทศ โครงการของกลุ่มบริษัททยอยเสร็จในช่วงเวลานั้นถือว่าเหมาะสมที่สุด"
ย้ำฐานการเงินแกร่ง
สำหรับกลุ่มบริษัท BTS Group ยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2564/2565 (เม.ย.-มิ.ย. 64) กลุ่มบริษัทมีอัตรา ส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 1.28 เท่า ขณะที่มีโครงการในมือทั้งจากบริษัทลูกหรือบริษัทในเครือจำนวนมาก ประกอบกับพันธมิตรที่บริษัทมีอยู่ โดยมีความพร้อมจะร่วมมือกันเพื่อทำโครงการขนาดใหญ่ โดยคาดว่าภายในปีนี้แนวทางการลงทุนน่าจะมีความชัดเจน
"ในส่วนของกลุ่มบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ มีความพร้อมที่จะระดมเงินเข้ามาลงทุนทั้งจากการกู้เงิน จากสถาบันการเงิน หรือการออกหุ้นกู้ ได้อีกระดับหนึ่ง ซึ่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 บริษัทได้ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนแบบ มอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 2,600 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทมีความคล่องตัวในการเข้าซื้อกิจการ หรือร่วมทุนกิจการ หรือการเจรจาโครงการต่างๆ"
โบรกส่องพื้นฐาน 13 บ.
ขณะที่ผู้ถือหุ้น BTS อนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทครั้งที่ 6 (BTS-W6) ครั้งที่ 7 (BTS-W7) และครั้งที่ 8 (BTS-W8) รวมจำนวนไม่เกิน 4,608,855,895 หน่วย
อย่างไรก็ดีนายสุรพงษ์ กล่าวว่า หากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมดคาดว่าบริษัทจะระดมทุนได้ 6.1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน และยังมีโครงการลงทุนรถไฟฟ้าในเส้นทางอนาคตที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนมาก เพราะเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด แนะนำ "ซื้อ" ประเมินราคาเหมาะสม BTS อยู่ที่ 13 บาทต่อหุ้น
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่ากลุ่ม บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA เริ่มเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนในโครงการ "เมืองการบินอู่ตะเภา" บนพื้นที่กว่า 7 พันไร่รอบสนามบินอู่ตะเภา ควบคู่กับการจัดทำแผนผังโครงการ โดยจะแบ่งการลงทุนเป็น 3 เฟส โดย พื้นที่สำหรับคาร์โก และ Free Trade Zone จะมีประมาณ 262 ไร่ หรือ 4.19 แสนตารางเมตร รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สามารถเริ่มพัฒนาได้เป็น 2 เฟสแรก มูลค่าโครงการกว่า 2 แสนล้านบาท
เบื้องต้นกลุ่มบริษัทไม่มีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจาก โครงการสนามบิน-เมืองการบินภาคตะวันออก เป็นโครงการขนาดใหญ่ ระยะเวลาการก่อสร้าง 3-5 ปี ซึ่งคาดว่าจะเป็นจังหวะที่ภาวะเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจในประเทศอยู่ระหว่างการขยายตัวเหมาะสมต่อการลงทุน และเร่งขยายธุรกิจ รวมถึงประชากรโลกก็เริ่มกลับมามีศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยอีกครั้ง
"ตอนนี้ได้เริ่มวางแผนผังโครงการ ควบคู่กับการเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 3-5 ปี ก็น่าจะ เป็นจังหวะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวคนเริ่มมีกำลังเดินทางท่องเที่ยว ภาคธุรกิจก็เริ่มมีเงินสะสมพร้อมที่จะขยายการลงทุนออกไปในหลายๆ ประเทศ โครงการของกลุ่มบริษัททยอยเสร็จในช่วงเวลานั้นถือว่าเหมาะสมที่สุด"
ย้ำฐานการเงินแกร่ง
สำหรับกลุ่มบริษัท BTS Group ยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2564/2565 (เม.ย.-มิ.ย. 64) กลุ่มบริษัทมีอัตรา ส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 1.28 เท่า ขณะที่มีโครงการในมือทั้งจากบริษัทลูกหรือบริษัทในเครือจำนวนมาก ประกอบกับพันธมิตรที่บริษัทมีอยู่ โดยมีความพร้อมจะร่วมมือกันเพื่อทำโครงการขนาดใหญ่ โดยคาดว่าภายในปีนี้แนวทางการลงทุนน่าจะมีความชัดเจน
"ในส่วนของกลุ่มบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ มีความพร้อมที่จะระดมเงินเข้ามาลงทุนทั้งจากการกู้เงิน จากสถาบันการเงิน หรือการออกหุ้นกู้ ได้อีกระดับหนึ่ง ซึ่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 บริษัทได้ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนแบบ มอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 2,600 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทมีความคล่องตัวในการเข้าซื้อกิจการ หรือร่วมทุนกิจการ หรือการเจรจาโครงการต่างๆ"
โบรกส่องพื้นฐาน 13 บ.
ขณะที่ผู้ถือหุ้น BTS อนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทครั้งที่ 6 (BTS-W6) ครั้งที่ 7 (BTS-W7) และครั้งที่ 8 (BTS-W8) รวมจำนวนไม่เกิน 4,608,855,895 หน่วย
อย่างไรก็ดีนายสุรพงษ์ กล่าวว่า หากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมดคาดว่าบริษัทจะระดมทุนได้ 6.1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน และยังมีโครงการลงทุนรถไฟฟ้าในเส้นทางอนาคตที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนมาก เพราะเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด แนะนำ "ซื้อ" ประเมินราคาเหมาะสม BTS อยู่ที่ 13 บาทต่อหุ้น
ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ