สศช. โละทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
วันที่ : 13 กรกฎาคม 2564
ชี้ระบบเอื้อประโยชน์มาเลย์มากกว่าไทย
ใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนเอื้อมาเลย์มากกว่าไทย สายใหม่ได้ไปต่อแค่ขอนแก่น-หนองคาย
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะ (เฟส) ที่ 2 เส้นทาง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงินลงทุน 7,864 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างเสนอเรื่องเพื่อขออนุมัติโครงการต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.) และเสนอขอความเห็นสภาพัฒน์ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป
โดยสภาพัฒน์ให้เหตุผลว่ารถไฟระบบไฟฟ้าอาจจะเอื้อประโยชน์ให้กับระบบเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้ระบบรถไฟฟ้าอยู่แล้วมากกว่าเอื้อประโยชน์ให้กับการเดินรถไฟของฝ่ายไทย จึงขอให้ รฟท. ทบทวนโครงการใหม่ทั้งหมด โดยถอดระบบไฟฟ้าออก และปรับให้เป็นรถไฟทางคู่เหมือนโครงการ อื่น ๆ แทน นอกจากนี้ในระยะสั้น สภาพัฒน์จะรับพิจารณาเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ที่เหมาะสมและจำเป็นเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มีเพียงโครงการเดียวคือ โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย ส่วนเส้นทางใหม่อื่น ๆ ที่เหลือให้ชะลอไปก่อน จากปัญหาภาระงบประมาณของรัฐบาลในช่วงแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
รายงานข่าวจาก รฟท. แจ้งอีกว่า สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่ปาดังเบซาร์นั้น คงต้องชะลอการนำเสนอโครงการไปก่อน ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะ เริ่มดำเนินโครงการได้อีกครั้งเมื่อใด ทำให้โครงการล่าช้าไปจากแผนเดิม ที่ รฟท. ตั้งเป้าว่าจะนำเสนอโครงการให้ ครม. พิจารณาใน ช่วงไตรมาส 3-4 ปี 64 เปิดประกวดราคาช่วงไตรมาส 1-2 ปี 65 และเริ่มก่อสร้างกลางปี 65 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี
สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์เป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทย พ.ศ. 2558-2565 เพื่อพัฒนาโครงข่าย คมนาคมเชื่อมโยงประตูการค้าและเมืองหลักในภูมิภาค โดยเชื่อมไปยังประเทศมาเลเซีย ตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม ประกอบด้วย 4 สถานี ได้แก่ สถานีชุมทางหาดใหญ่, สถานีศาลาทุ่งลุง, สถานีคลองแงะ, สถานีปาดังเบซาร์ และยังมีป้ายหยุดรถอีก 3 ป้าย คือ บ้านพรุ, คลองรำ และท่าข่อย
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะ (เฟส) ที่ 2 เส้นทาง หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงินลงทุน 7,864 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างเสนอเรื่องเพื่อขออนุมัติโครงการต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.) และเสนอขอความเห็นสภาพัฒน์ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป
โดยสภาพัฒน์ให้เหตุผลว่ารถไฟระบบไฟฟ้าอาจจะเอื้อประโยชน์ให้กับระบบเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้ระบบรถไฟฟ้าอยู่แล้วมากกว่าเอื้อประโยชน์ให้กับการเดินรถไฟของฝ่ายไทย จึงขอให้ รฟท. ทบทวนโครงการใหม่ทั้งหมด โดยถอดระบบไฟฟ้าออก และปรับให้เป็นรถไฟทางคู่เหมือนโครงการ อื่น ๆ แทน นอกจากนี้ในระยะสั้น สภาพัฒน์จะรับพิจารณาเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ที่เหมาะสมและจำเป็นเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มีเพียงโครงการเดียวคือ โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย ส่วนเส้นทางใหม่อื่น ๆ ที่เหลือให้ชะลอไปก่อน จากปัญหาภาระงบประมาณของรัฐบาลในช่วงแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
รายงานข่าวจาก รฟท. แจ้งอีกว่า สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่ปาดังเบซาร์นั้น คงต้องชะลอการนำเสนอโครงการไปก่อน ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะ เริ่มดำเนินโครงการได้อีกครั้งเมื่อใด ทำให้โครงการล่าช้าไปจากแผนเดิม ที่ รฟท. ตั้งเป้าว่าจะนำเสนอโครงการให้ ครม. พิจารณาใน ช่วงไตรมาส 3-4 ปี 64 เปิดประกวดราคาช่วงไตรมาส 1-2 ปี 65 และเริ่มก่อสร้างกลางปี 65 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี
สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์เป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทย พ.ศ. 2558-2565 เพื่อพัฒนาโครงข่าย คมนาคมเชื่อมโยงประตูการค้าและเมืองหลักในภูมิภาค โดยเชื่อมไปยังประเทศมาเลเซีย ตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม ประกอบด้วย 4 สถานี ได้แก่ สถานีชุมทางหาดใหญ่, สถานีศาลาทุ่งลุง, สถานีคลองแงะ, สถานีปาดังเบซาร์ และยังมีป้ายหยุดรถอีก 3 ป้าย คือ บ้านพรุ, คลองรำ และท่าข่อย
ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ