รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า ได้ส่งโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ไปให้อัยการตรวจสอบแล้ว ภายในเดือน ก.ค.นี้ จะลงนามในสัญญาก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ทำให้โครงการนี้ เป็นตัวเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งไปยังซีแอลเอ็มวีได้ทั้งหมด รวมทั้งยังมีแผนเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งไปถึงจีนตอนใต้ ซึ่งจะทำให้ซีแอลเอ็มวีที กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และจีนตอนใต้เชื่อมโยงกลายเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ เป็นแรงผลักดันที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในอนาคต

          "ตอนนี้สัญญาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ตกลงไปแล้วและตัวเลขผลตอบแทนก็ได้ผ่านการพิจารณาของ ครม. แล้วทุกอย่างโอเค ทางอัยการตรวจสอบสัญญาอยู่จะใช้เวลา 15-30 วัน แต่คาดว่าจะเร็วกว่า 30 วัน จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุม กพอ. จากนั้นนำเข้าที่ประชุม ครม. และทำสัญญาได้ทันทีในเดือน ก.ค.นี้"

          สำหรับภาพรวมการลงทุนในอีอีซีรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนไปแล้วกว่า 1.6 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.77 ล้านล้านบาท โดยช่วงโควิด-19 ส่งผลให้การลงทุนลดลง 30% แต่ไม่ทำให้การลงทุนตามแผนมูลค่า 1.77 ล้านล้านบาทสะดุดลง แม้ว่าโควิดอาจทำให้การลงทุนล่าช้าจากแผน 6 เดือน โดยหลังจากนี้อีอีซีจะเร่งงานเพื่อเพิ่มเงินลงทุนจากปีละ 3 แสนล้านบาทให้ไปถึงปีละ 6 แสนล้านบาท เพื่อให้ ถึงเป้าหมายการยกระดับประเทศไทยไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว โดยสิ่งที่อีอีซี จะต้องเร่งดำเนินการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 5จี และสร้างเมืองใหม่ที่เป็นสมาร์ทซิตี้ตามแผนที่วางไว้