BTS เดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง หลังเร่งส่งมอบพื้นที่ คาดแล้วเสร็จให้ทันเปิดใช้บริการในปี 2565 ล่าสุดรับรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรกเพื่อทดสอบระบบ คาดล็อตแรกจะเข้ามาในปี 2564 ส่วนความคืบหน้าสายสีส้ม ลุ้นศาลนัดไต่สวน 14 ตุลาคมนี้ คาดรู้ผลก่อนเปิดให้ยื่นซองประมูลในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้

          นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้คุ้มครองฉุกเฉินกรณีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเอกสารประกวดราคาใหม่ (TOR) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) หลังการขายซองประกวดราคา ศาลปกครองได้นัดไต่สวนนัดแรกวันที่ 14 ตุลาคม 2563

          ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากการไต่สวนประมาณ 1-2 สัปดาห์ น่าจะมีคำตัดสินออกมา ถ้าหากรับคุ้มครองฉุกเฉินกระบวนการประมูลก็ต้องยุติลงชั่วคราว แต่หากไม่รับคุ้มครองฉุกเฉินกระบวนการก็เดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม กระบวนการทั้งหมดจะสอดคล้องกับเวลา การเปิดให้ยื่นเอกสารประมูลโครงการในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563

          รับรถโมโนเรลขบวนแรก

          ล่าสุดขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรก โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าวสำโรง) ส่งเข้ามาถึงประเทศไทยแล้ว ทางบริษัทเตรียมนำเข้าทดสอบระบบ หากไม่ต้องปรับปรุงกลไกใดมากบริษัทก็จะทยอยรับรถตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นไป

          สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูนั้น เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างรอการส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างสถานีศูนย์ราชการ ซึ่งปัจจุบันผ่านขั้นตอนการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วอยู่ระหว่างรอเสนอเข้าสู่การประชุมครม. จากนั้นหากบริษัทได้รับมอบพื้นที่การก่อสร้างภายในปี 2564 เพื่อให้สามารถเปิดใช้บริการได้ทันภายในปี 2565 ตามกำหนด ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง การก่อสร้างงานโยธามีความคืบหน้ามากกว่า อีกทั้งได้รับมอบพื้นที่ครบทั้ง 100% แล้ว เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนตุลาคม 2564

          โบรกให้พื้นฐาน 10.33 บาท

          บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง BTS ว่า ความเสี่ยงรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง จะเสร็จล่าช้าไปราว 1 ปี จากกำหนดการคือตุลาคม 2564 เนื่องจากการส่งมอบพื้นที่ได้ล่าช้า จะทำให้มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นมาก จากการประเมินราว 2.9 พันล้านบาท ที่ต้นทุนการเงิน 3% ข้อดีคือ จะยังไม่นับเวลาในอายุสัมปทาน และบริษัทจะใช้วิธีนำรายได้จากรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง ที่เปิดให้บริการบางส่วนมาชดเชย แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะได้รายได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งปกติรายได้จะยังไม่มากในปีแรกๆ ของการให้บริการ

          ปรับลดคำแนะนำเป็นเพียง ถือ จากเดิม ซื้อ ข้อดีคือ ยังจะมีรายได้การก่อสร้างและนำรถไฟฟ้าเข้ามา (E&M) จากรถไฟฟ้าสายสีเขียว ชมพูและเหลือง มาเกื้อหนุน และรายได้บริหารเดินรถเติบโตดี ซึ่งมาจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ที่ทยอยเปิดสถานีให้บริการเพิ่มจะไปสิ้นสุดปลายทางคูคตภายในสิ้นปี 2563 นี้ ราคาพื้นฐานเมื่อถอดมูลค่าโครงการขนาดใหญ่ออกไปก่อนเหลือ 10.33 บาท ด้วยวิธี SOP (Sum of Parts) เช่น มอเตอร์เวย์ ร่วมทุนสายสีเขียวส่วนขยาย และบริหารสนามบินอู่ตะเภา ราคาปิดมีส่วนเพิ่มไม่ถึงกับมากนักราว 6% ผนวกกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีละ 3-4%