อสังหาแห่ลงทุนฉะเชิงเทรา หวั่นเกิดโอเวอร์ซัพพลาย
วันที่ : 23 กันยายน 2562
มารวย เรียลเอสเตท เผย ผู้ประกอบการมาลงทุนในจังหวัดฉะเชิงเทราจำนวนมาก ปี2562 เปิดขาย 66 โครงการ ส่งผลให้ตลาดมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ชี้อานิสงส์จากอีอีซียังไม่แรงพอ ทำให้ตลาดเติบโตได้เพียง 5-10% หวั่นเกิดโอเวอร์ซัพพลาย
มารวย เรียลเอสเตท เผย ผู้ประกอบการมาลงทุนในจังหวัดฉะเชิงเทราจำนวนมาก ปี2562 เปิดขาย 66 โครงการ ส่งผลให้ตลาดมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ชี้อานิสงส์จากอีอีซียังไม่แรงพอ ทำให้ตลาดเติบโตได้เพียง 5-10% หวั่นเกิดโอเวอร์ซัพพลาย
ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ผลจากนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้กลายเป็นแรงดึงดูดให้ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ มาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีผู้ประกอบการรายใหญ่มองโอกาสและเข้ามาลงทุนในจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจำนวนมาก จากในปี 2561 เปิดการขาย 51 โครงการ เพิ่มเป็น 66 โครงการในปี 2562 ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในจำนวน 66 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 14,310 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 40,784 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทาน ในตลาด 5,107 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,729 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 63 โครงการ มูลค่า 39,476 ล้านบาท อาคารชุด 3 โครงการ มูลค่า 361 ล้านบาท ทำให้มีแนวโน้มจะเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย
จากการสำรวจของบริษัทพบว่า ในปีนี้ มีบริษัทรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 4-5 ราย เข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ เช่น บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จํากัด (มหาชน) , บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) , บริษัทในเครือควอลิตี้เฮ้าส์ และล่าสุด บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และที่กำลังจะเข้ามาพัฒนาในเร็วๆ นี้ คือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
"เดิมโครงการที่เปิดขายจะเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น แต่ช่วงก่อนจะมีการเร่งรัดอีอีซีประมาณ 3 ปี บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ในส่วนกลางเริ่มเข้ามาลงทุนและกว้านซื้อที่ดินในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เป็นรายแรกๆ ที่เข้ามาทำโครงการ โซนบริเวณอำเภอบ้านโพธิ์ จะเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ใกล้นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น นิคมฯ อมตะและเวลโกรว์ รวมถึงการเกิดนิคมทีเอฟดี 2 แห่งใหม่ ทำให้มีโครงการอสังหาฯ ของแบรนด์ดังๆ เปิดการขายหลายโครงการ เพื่อรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งจากในนิคมอุตสาหกรรม และจากบุคลากรที่มาทำงานในบริเวณดังกล่าว"
ดร.สืบวงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาโครงการของบริษัทมารวยฯ ในปัจจุบันมีโครงการกระจายอยู่ในภาคตะวันออกประมาณ 12-13 โครงการ โดยอยู่ระหว่างการขายเพียง 5 โครงการ เช่น บ้านมารวย สระแก้ว, บ้านมารวย อรัญประเทศ, บ้านมารวย แหลมฉบัง, โครงการวิคทอเรีย และบ้านมารวยโสธร 4 ซึ่งมีการปรับรูปแบบโครงการให้เหมาะสมกับกำลังซื้อและราคาที่ดิน โดยมีการเพิ่มบ้านแฝดอารมณ์บ้านเดี่ยวเข้ามาเสริมสินค้าบ้านเดี่ยว แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 50 หลัง และบ้านแฝด 100 หลัง ปัจจุบันมียอดขายไปกว่า 80% และคาดว่าภายในสิ้นปี 2562 จะปิดการขายได้ทั้งโครงการ
ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ผลจากนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้กลายเป็นแรงดึงดูดให้ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ มาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีผู้ประกอบการรายใหญ่มองโอกาสและเข้ามาลงทุนในจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจำนวนมาก จากในปี 2561 เปิดการขาย 51 โครงการ เพิ่มเป็น 66 โครงการในปี 2562 ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในจำนวน 66 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 14,310 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 40,784 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทาน ในตลาด 5,107 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,729 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 63 โครงการ มูลค่า 39,476 ล้านบาท อาคารชุด 3 โครงการ มูลค่า 361 ล้านบาท ทำให้มีแนวโน้มจะเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย
จากการสำรวจของบริษัทพบว่า ในปีนี้ มีบริษัทรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 4-5 ราย เข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ เช่น บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จํากัด (มหาชน) , บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) , บริษัทในเครือควอลิตี้เฮ้าส์ และล่าสุด บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และที่กำลังจะเข้ามาพัฒนาในเร็วๆ นี้ คือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
"เดิมโครงการที่เปิดขายจะเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น แต่ช่วงก่อนจะมีการเร่งรัดอีอีซีประมาณ 3 ปี บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ในส่วนกลางเริ่มเข้ามาลงทุนและกว้านซื้อที่ดินในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เป็นรายแรกๆ ที่เข้ามาทำโครงการ โซนบริเวณอำเภอบ้านโพธิ์ จะเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ใกล้นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น นิคมฯ อมตะและเวลโกรว์ รวมถึงการเกิดนิคมทีเอฟดี 2 แห่งใหม่ ทำให้มีโครงการอสังหาฯ ของแบรนด์ดังๆ เปิดการขายหลายโครงการ เพื่อรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งจากในนิคมอุตสาหกรรม และจากบุคลากรที่มาทำงานในบริเวณดังกล่าว"
ดร.สืบวงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาโครงการของบริษัทมารวยฯ ในปัจจุบันมีโครงการกระจายอยู่ในภาคตะวันออกประมาณ 12-13 โครงการ โดยอยู่ระหว่างการขายเพียง 5 โครงการ เช่น บ้านมารวย สระแก้ว, บ้านมารวย อรัญประเทศ, บ้านมารวย แหลมฉบัง, โครงการวิคทอเรีย และบ้านมารวยโสธร 4 ซึ่งมีการปรับรูปแบบโครงการให้เหมาะสมกับกำลังซื้อและราคาที่ดิน โดยมีการเพิ่มบ้านแฝดอารมณ์บ้านเดี่ยวเข้ามาเสริมสินค้าบ้านเดี่ยว แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 50 หลัง และบ้านแฝด 100 หลัง ปัจจุบันมียอดขายไปกว่า 80% และคาดว่าภายในสิ้นปี 2562 จะปิดการขายได้ทั้งโครงการ
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ