นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข. มีแผนพัฒนาอาคารจอดรถเชื่อมต่อ สถานีรถไฟฟ้า 3 สาย หรือจุดจอดแล้วจร (Park and Ride) 11 จุด รองรับรถได้ 10,650 คัน จากที่มี อยู่เดิม 7 จุด รับรถได้ 6,420 คัน อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 จุด รองรับ 9,955 คัน มีแนวทางลงทุน 3 รูปแบบคือ 1. รัฐลงทุนเองพร้อมเก็บรายได้ ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่รัฐพัฒนาเป็นตึกจอดรถหรือลานจอดรถกลางแจ้ง 2. พื้นที่เอกชน รัฐอาจเสนอสิทธิพิเศษให้เพื่อส่งเสริมเอกชนลงทุน 3. รูปแบบร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (พีพีพี) ใช้โมเดลนี้ในพื้นที่ราคาแพงย่านชุมชนหรือพื้นที่ขนาดใหญ่เช่น บริเวณสถานีรังสิต พัฒนาเป็นจุดจรแล้วจรพร้อมย่านการค้าขนาดเล็กคล้ายคอมมูนิตี้มอลล์หรือรูปแบบอสังหาเชิงพาณิชย์แบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้าปลีก หรืออาจมีห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กและอาคารสำนักงานให้เช่า อนาคตจะเจรจาห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ขอใช้พื้นที่จอดรถผู้ใช้รถไฟฟ้าโดยมอบส่วนลดให้หรือเป็นแต้มไว้ซื้อสินค้า

          สำหรับ 11 จุด ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 1. สถานีบางปะกอก รองรับ 1,700 คัน 2. สถานีราษฎร์บูรณะ 1,700 คัน รถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต, ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และช่วงพญาไท-สุวรรณภูมิ 3. สถานีรังสิต บ 4,000 คัน 4. สถานีกาญจนาภิเษก 500 คัน 5. สถานีตลิ่งชัน 500 คัน 6. สถานีลาดกระบัง บ 500 คัน 7. สถานีบ้านทับช้าง 50 คัน รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี 8. สถานีวัชพล 1,000 คัน 9. สถานีแคราย 50 คัน รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-บางหว้า 10. สถานีตลาดพลู 150 คัน และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง- หลักสอง 11.สถานีบางหว้า 500 คัน

          นายสราวุธกล่าวต่อไปว่า ในอนาคตจะมีการเจรจากับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะตามเขตชานเมืองเพื่อขอใช้พื้นที่จอดรถสำหรับ ผู้ใช้รถไฟฟ้าโดยมอบส่วนลดให้หรือเป็นแต้มไว้ใช้ซื้อสินค้า ขณะนี้มีห้างเดอะพาซิโอ แถวรามคำแหงให้ความร่วมมือประชาชนสามารถนำรถไปจอดแล้วเชื่อมต่อระบบขนส่งอื่นเข้าเมืองทั้งเรือด่วนคลองแสนแสบรถเมล์โดยสารสาธารณะและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์