ธนารักษ์ลั่น18ม.ค.ประมูล วังค้างคาว
Loading

ธนารักษ์ลั่น18ม.ค.ประมูล วังค้างคาว

วันที่ : 8 มกราคม 2560
ธนารักษ์ลั่น18ม.ค.ประมูล วังค้างคาว

'ชายนิด'สนใจเกาะกูดเชื่อมนิคมฯตราด

"ธนารักษ์" เพิ่มช่องทางหารายได้ เปิดแผนพัฒนาที่ดิน 3 แปลงสวย "เกาะกูด-อ่าวปอ-วังค้างคาว" 18 ม.ค.นี้ เปิดประมูลให้สิทธิ์เอกชนเช่าพัฒนา 5-30 ปี ชี้ที่ดินผืนงามมีศักยภาพพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

กรมธนารักษ์ประกาศแผนปี 2560 เพิ่มรายได้นำส่งแผ่นดินให้มากกว่าปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าภายใน 4-5 ปี จะขยับรายได้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท นอกจากการขึ้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุ ซึ่งเป็นวิธีการปกติแล้ว กรมธนารักษ์เตรียมคัดเลือกที่แปลงสวยที่ยังไม่เคยใช้ประโยชน์มาให้เอกชนพัฒนาหารายได้เพิ่มขึ้น

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กรมธนารักษ์จะเปิดตัวที่ดินราชพัสดุมูลค่าสูง ที่คาดว่าจะนำมาประมูลเชิงพาณิชย์ ภายในวันที่ 18 มกราคมนี้ หรือย่างช้าภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ จำนวน 14 แปลง ขนาดพื้นที่มีตั้งแต่ 100 ตารางวาไปจนถึงระดับ 30 ไร่ ซึ่งทุกแปลงสามารถพัฒนาให้เกิดมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจได้ทั้งสิ้น

สำหรับแปลงที่ถือเป็นไฮไลต์ มีด้วยกัน 3 แปลง คือ 1. ที่ดินแปลงวังค้างคาว (เขตคลองสาน) ที่สามารถพัฒนา เป็นโรงแรมหรือเกสต์เฮาส์ รองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบบรรยากาศ ริมน้ำ ที่ดินผืนนี้มี 2 แปลง เนื้อที่รวม 2.1 ไร่ แม้จะถูกคั่นกลางด้วยที่ของเอกชน แต่กรมธนารักษ์ได้เจรจาเพื่อให้เกิดการใช้ที่เต็มศักยภาพ โดยได้เตรียมทางเชื่อมระหว่างที่ทั้ง 2 แปลงดังกล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแปลงที่ 1 และ 2 มีเนื้อที่ประมาณ 333 ตารางวา และ 1 ไร่ 200 ตารางวา จุดสังเกต คือ อยู่ใกล้กับ "วัดทองธรรมชาติ"

"จุดขายของที่ดินผืนนี้คือ เป็นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแปลงที่สวยงาม มีอาคารขนาดใหญ่ที่ปลูกสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ดินแปลงนี้จึงต้องได้บริษัทที่มีความรู้ในการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรมที่ต้องอนุรักษ์ไว้อีกด้วย"

ส่วนแปลงที่ 2 คือ ที่ดินบนเกาะกูด จังหวัดตราด มีเนื้อที่รวม 20-30 ไร่ จุดขายคือ เป็นที่ดินที่ตั้งอยู่บนเกาะกูด สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ในรูปแบบของโรงแรม เกสต์เฮาส์ รวมถึงโรงแรม เชิงพาณิชย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้เช่นกัน

แปลงที่ 3 ที่ดินบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวปอ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ดินบริเวณท่าเรือ มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ผู้ชนะการประมูลสามารถพัฒนาเป็นท่าเรือเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่รองรับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้เช่นกัน

นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาจะให้เอกชนผู้สนใจเข้าประมูล โดยให้ระยะเวลาเช่าต่อแปลงตั้งแต่ 5-20 ปี สำหรับพื้นที่ที่มีการลงทุนไม่สูง แต่หากเป็นที่ดินขนาดใหญ่ แล้วเอกชนลงทุนคิดเป็นเม็ดเงินที่สูงก็จะให้สิทธิ์ในการพื้นที่สูงสุดถึง 30 ปี

นอกจากนี้กรมธนารักษ์เปลี่ยนรูปแบบการประมูลที่ดินเชิงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดมูลค่าเชิงเศรษฐกิจและผลตอบแทนรายได้ โดยอยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลพื้นที่ที่มีศักยภาพ และรวบรวมรายชื่อลูกค้าหรือจัดกลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพในลักษณะ Business Unit เพื่ออนาคตหากเปิดประมูลโครงการต่างๆก็จะส่งหนังสือแจ้งไปถึงผู้ประกอบการเหล่านี้ได้โดยตรง

ขีดเส้น "นิติบุคคล" เท่านั้น

ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประมูลพัฒนาพื้นที่จะใช้การประมูลเป็นล็อตเดียวพร้อมกันทั้งหมด ในภาพรวมอาจจะมีมูลค่า 800-900 ล้านบาท การพัฒนาครั้ง นี้จะเปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่เพื่อใช้พัฒนาต่อแปลงสูงสุด 30 ปี โดย 14 แปลงทั้งหมดเป็นที่ที่อยู่ในมือของกรมธนารักษ์แล้ว เอกชนสามารถพัฒนาได้ทันทีโดยไม่ต้องขอคืนพื้นที่จากผู้อยู่อาศัยที่มีอยู่เดิม

ส่วนคุณสมบัติผู้เข้าประมูล หากเป็นที่แปลงใหญ่ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แปลงจำเป็นจะต้องกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าประมูล จะต้อง เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในรูปของนิติบุคคล แต่หากเป็นผู้พัฒนาแปลงขนาดย่อมลงมาก็อาจผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าวได้

"การพิจารณายึดแบบเคสบายเคส หรือพิจารณารายแปลง หากเป็นแปลงเล็กที่เข้าประมูล อาจไม่จำเป็นว่าจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่หากเป็นรายที่เข้ามาประมูลพัฒนาพื้นที่แปลงใหญ่ ที่มีมูลค่าเชิงเศรษฐกิจแล้วกรมธนารักษ์จะกำหนดคุณสมบัติของผู้ประมูลโครงการ ต้องเป็นนิติบุคคล กำหนดทุนจดทะเบียน รวมถึงจะต้องมีความสามารถและประสบการณ์ในการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์มาก่อนอีกด้วย"

จ่อขึ้นค่าเช่าทำเลทอง

นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการบริหารที่ราชพัสดุในปัจจุบันนั้น หากเป็นที่ดินที่ใกล้หมดหรือครบสัญญาเช่าจะไม่ต่อสัญญา และหากพบว่าผู้เช่านำที่ดินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น แจ้งขอเช่าทำเกษตรแต่กลับปลูกบ้านเช่าหรือทำเป็นการค้าเชิงพาณิชย์ก็จะไม่ต่อสัญญาเช่นกัน เพื่อแก้ไขปัญหาเดิมที่ไม่สามารถจัดเก็บค่าเช่าได้ตามราคาตลาด เช่น ทำเลปทุมวัน-พญาไท ค่าเช่าราคาตลาดอยู่ที่ 8 หมื่น-1 แสนบาทต่อเดือน แต่ผู้เช่าเสียค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ เพียง 4,000-5,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น

ปัจจุบันมีสัญญาผู้เช่าที่เช่า ตรงจากกรมธนารักษ์ 1.6-1.7 แสนราย มีการทำสัญญาเช่าเชิงพาณิชย์เพียง 5,000 รายเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ 7 ราย มีวงเงินนำส่งเป็นรายได้เข้ารัฐมากกว่า 90% ส่วนที่เหลือเป็นการเช่าเพื่อที่อยู่อาศัยและเกษตรกรรม

อ่าวปอเหมาะทำท่าเรือยอชต์

นายสุรชัย ชัยวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ที่ดินของกรมธนารักษ์ ในจังหวัดภูเก็ตมีจำนวนมาก และมี ศักยภาพทุกจุด หากเป็นที่ดินชายฝั่งตะวันตกของเกาะจะเป็นหาดทรายสวยงาม เหมาะสำหรับการพัฒนาเป็นโรงแรมและรีสอร์ต

ส่วนฝั่งตะวันออกที่อ่าวปอ คลื่นลมสงบ ชายฝั่งเป็นเลนโคลน เหมาะสมสำหรับการพัฒนาเป็นท่าเรือยอชต์คลับ หรือพัฒนาเป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติหรือไมซ์ เนื่องจากโรงแรมที่มีอยู่ในปัจจุบันรองรับการประชุมสัมมนาได้ไม่เกิน 1,000 ที่นั่ง

ส่วนของราชการมีศูนย์ประชุมของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รองรับได้ไม่เกิน 2,500 ที่นั่ง แต่เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการจึงมีข้อจำกัดมาก มีการจัดประชุมสัมมนาไม่เกินปีละ 3 ครั้ง ขณะที่โครงการของเซ็นทรัลพลาซา จะเปิดเฟส 1 ซึ่งเป็นศูนย์การค้าในปี 2560 แต่เฟส 2-3 ซึ่งเป็นส่วนของโรงแรมและศูนย์ประชุมขนาด 5,000 ที่นั่ง ยังต้องใช้เวลาก่อสร้างอีก 3-4 ปี

"ชายนิด" สนใจเกาะกูด

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน)  ยอมรับว่า ยังไม่เห็นประกาศเชิญชวน แต่เบื้องต้นสนใจที่ดินเกาะกูดของกรมธนารักษ์ แต่ต้องขอดูแปลงที่ดินก่อนว่า แปลงใหญ่และติดทะเลหรือไม่  หากติดทะเลและสามารถเชื่อมโยงกับที่ดินเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตราดที่บริษัทประมูลได้และอยู่ระหว่างดำเนินการก็น่าสนใจ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

 

 

 

ข่าวเขตเศรษฐกิจพิเศษ อื่นๆ