ลลิลฯรุกตลาดแนวราบต่อเนื่อง ผุด 10 โครงการมูลค่า 4 พันล้าน
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) เปิดเผยถึงแนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 ว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาฯในปีนี้น่าจะขยายตัวอยู่ที่ 3-5% โดยะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบโดยเฉพาะตลาด Real ยังเป็นตลาดที่มีการขยายตัวที่ดี ส่วนตลาดอาคารชุดน่าจะทรงตัว เนื่องจากยังมี Supply คงเหลือในหลายทำเล โดยเฉพาะอาคารชุดในตลาดกลางและล่าง ส่วนตลาดบนที่ทำเลเด่น และมี Designโดดเด่นยังพอมีช่องว่างบ้
นายไชยยันต์กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนขยายโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 3,600 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 3,100 ล้านบาท เติบโต 15% เพิ่มเติมจากปี2559 ที่มียอดขายประมาณ 3,500 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ที่ 2,700 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ประมาณ 8-10 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000ล้านบาท โดยเน้นโครงการบ้านเดี่ยว ราคา 2.8-6 ล้านบาท และ ประเภททาวน์เฮาส์ ราคา 1.5-2 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดในส่วนของหัวเมืองหลักและหัวเมืองชั้นรอง แบ่งสัดส่วนทำเลออกเป็นโซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และต่างจังหวัด 30% ทั้งนี้โครงการเปิดใหม่มีทั้งทำเลใหม่และขยายพื้นที่ในทำเลเดิม ซึ่งขณะที่บริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้แล้วกว่า 50%
อย่างไรก็ดี สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2560 นั้น บริษัทได้วางกลยุทธ์การดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค ทั้งนี้มองว่าความต้องการที่อยู่อาศัยตลาดเรียลดีมานด์ของผู้บริโภคยังขยายตัวสูงขึ้นในทุกๆปี บวกกับพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าวมีความต้องการที่ หลากหลายไลฟ์สไตล์ ดังนั้นทางบรัษัทจะนำรูปแบบโครงการอย่าง"ลลิล ทาวน์ (LALIN Town)" พัฒนาและเปิดตัวในทำเด่นมากขึ้นซึ่งปีที่ผ่านมาได้เปิดแล้วหลายแห่ง ได้แก่ ลลิล ทาวน์-พัทยา, ลลิล ทาวน์ เศรษฐกิจ-พุทธสาคร ซึ่งในโครงการประกอบด้วย บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ซีรี่ส์ใหม่ บนพื้นที่ใช้สอย 140-175 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านกว่าบาท-5 ล้านบาท และทาวน์โฮม ขนาดพื้นที่ใช้สอย 85-105 ตารางเมตร ในราคาสุดคุ้มเพียง 1 ล้านกว่าๆ-2 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ และทาวน์โฮมหน้ากว้าง
"บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการ โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดที่มีในมือที่ได้จากการโอนโครงการที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีบ้านพร้อมอยู่ในสต็อกใน 30 โครงการมูลค่าประมาณ 50-100 ล้านบาทที่รอรู้รายได้อยู่ อย่างไรก็ดีบริษัทฯ มีแผนออกหุ้นกู้หากมีความจำเป็นซึ่งจะดูอีกทีประมาณกลางปีเพื่อรองรับในระยะยาวให้เติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืน และเตรียมพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ทศวรรษในปีนี้อย่างแน่นอน
ที่มา : หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์