เสนอใช้ม.44 ยกชั้นอู่ตะเภาเขตศก.พิเศษ
จ่อชงนายกฯ ใช้ ม.44 ตั้งเขตส่งเสริมพิเศษอู่ตะเภา พ่วงเพิ่มสิทธิประโยชน์ลงทุนเพิ่ม
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมเตรียมพร้อมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า ที่ประชุมเตรียมเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (คณะทำงาน อีอีซีชุดใหญ่) ในช่วงเดือน มี.ค. 2560 ให้ใช้มาตรา 44 ยกระดับสนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี เป็นเขตส่งเสริมพิเศษอู่ตะเภา เพื่อเชื่อมโยงอีอีซีและเพิ่มสิทธิประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว เช่น สิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สิทธิประโยชน์จากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ (กองทุน 1 หมื่นล้านบาท) การขยายวีซ่าแรงงานจากต่างประเทศในการทำงานเป็นระยะเวลา 5 ปี จากปัจจุบันเป็นแบบปีต่อปี เป็นต้น
"แผนการดำเนินงานอู่ตะเภาที่ประชุมได้รายงานว่ากำลังดำเนินงานระยะแรก โดยจะเปิดอาคารผู้โดยสารที่ 2 ขนาด 3 ล้านคน/ปี ช่วงกลางปีนี้ และจะเริ่มการลงทุนศูนย์ซ่อมอากาศยานกับบริษัท การบินไทย และพันธมิตรกลางปีเช่นกัน และมีแผนรองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคน ใน 5 ปี" นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการลงทุนรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก โดยมีการรายงานว่าได้วางแผนให้รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกสามารถเชื่อมต่อได้ 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา โดยจะมีการศึกษาและเปิดให้เอกชนร่วมทุนได้ภายในปลายปีนี้
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และท่าเรือมาบตาพุดที่ 3 ที่ประชุมได้รายงานว่าเป็นไปตามแผน แต่ขอให้เร่งรัดกระบวนการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (ทีพีพี) โดยท่าเรือระยะที่ 3 จะต้องขยายเพื่อรองรับรถยนต์สำหรับส่งออกได้ 2 ล้านคัน จากเดิมรองรับได้อยู่แล้วประมาณ 1 ล้านคัน โดยท่าเรือจะต้องเชื่อมโยงกับการขนส่งทางราง บูรณาการสู่การเชื่อมโยงกับรถไฟไทย-จีน
นายอุตตม กล่าวว่า เตรียมทบทวนเม็ดเงินลงทุนที่จะเข้าไปในอีอีซีอีกครั้งโดยคาดว่าจะมีวงเงินลงทุนสูงถึง 2 ล้านล้านบาท จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 1.5 ล้านล้านบาท เนื่องจากเชื่อว่าการลงทุนของภาคเอกชนน่าจะเติบโตขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์