อสังหาฯหันบุกตลาดแนวราบ ยึดทำเลในเมือง-จับลูกค้าไฮเอนด์
Loading

อสังหาฯหันบุกตลาดแนวราบ ยึดทำเลในเมือง-จับลูกค้าไฮเอนด์

วันที่ : 17 มีนาคม 2560
อสังหาฯหันบุกตลาดแนวราบ ยึดทำเลในเมือง-จับลูกค้าไฮเอนด์

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง รวมประมาณ 5-6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท โดยในส่วนของโครงการแนวสูงจะพัฒนาคอนโดมิเนียมโลวไรส์ประมาณ 3-4 โครงการ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โครงการละประมาณ 300 ยูนิต เพราะกลุ่มนี้ยังมีความต้องการอยู่มาก รวมทั้งมองโอกาสที่จะพัฒนาในคอนโดฯระดับไฮเอนด์อยู่เหมือนกันทั้งนี้รอความเหมาะสม โดยทำเลที่ตั้งโครงการจะยังยึดแนวรถไฟฟ้าสายเขียวและสายสีน้ำเงินเช่นรัชดา ลาดพร้าว พระราม9 เป็นหลัก รัศมีไม่เกิน 2 กิโลมตร ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดตัวคอนโดฯใหม่ประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้

สำหรับแนวราบมีแผนพัฒนา 1-2 โครงการในรูปแบบทาวน์โฮม 3 ชั้น ทำเลในเมืองรัศมีห่างจากสถานีรถไฟฟ้า 2.5-3 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นแบรนด์ใหม่มูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท ขนาดพื้นที่โครงการ 8-10 ไร่ จำนวน 90 ยูนิตซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ประมาณปลายปีนี้ ทั้งการที่บริษัทได้รุกตลาดแนวราบนั้นมองว่า เป็นเซกเมนส์ที่มีการดูดซับที่ดีและดีมานด์มีมากขณะที่ซัพพลายมีน้อยอีกทั้งเป็นโอกาสที่เพิ่มพอร์ตรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต

ขณะที่บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยนาย ชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการ เปิดเผย ว่า บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็นช่วงครึ่งปีแรก 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการบ้านเดี่ยว อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 มูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท รวม 8 ยูนิต มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 393 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 28.7 ล้านบาท 2.โครงการโฮมออฟฟิศ อัลติจูด พรูฟ เกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 180 ล้านบาท รวม 8 ยูนิต มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 375.8-424.8 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 18.7 ล้านบาท และ 3.โครงการโฮมออฟฟิศ อัลติจูด พรูฟ พระราม 9 มูลค่าโครงการ 280 ล้านบาท รวม 16 ยูนิต มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 180-270 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 14.7 ล้านบาท

ส่วนในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเปิดคอนโดมิเนียมอีก 1-2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกทำเลและเจรจาธุรกิจ โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขายอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 400 ล้านบาท

"ทิศทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายอย่างน้อยปีละ 30% และคาดว่าจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ได้ในปี 2562" นายชยพลกล่าว

นายชยพลกล่าวต่อไปว่า และเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว บริษัทฯจะเน้นพัฒนาโครงการระดับบน (ไฮเอนด์) ในศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) เป็นหลัก อาทิ สามย่าน สีลม พระราม 9 พหลโยธิน เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบไฮเอนด์ในย่านซีบีดีมีซัพพลายน้อยมาก ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการมักจะพัฒนาโครงการย่านชานเมืองมากกว่า ทำให้มีซัพพลายส่วนเกินในบางทำเล นอกจากนี้ ยังพบว่าตลาดที่อยู่อาศัยไฮเอนด์ในย่านซีบีดีมีความต้องการที่อยู่สูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเจนเนอเรชั่น 2-3 ประกอบกับการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง-ล่าง ที่มีราคาที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 14 ล้านบาทต่อยูนิต ยังคงประสบปัญหาหนี้ครัวเรือนและอัตราปฏิเสธสินเชื่อในระดับสูง

ที่มา: หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์