ฉะเชิงเทรา เมืองศูนย์ราชการใหม่
"ฉะเชิงเทรา"เมืองศูนย์ราชการใหม่
ศึกษาพัฒนาฉะเชิงเทราเป็นเมืองศูนย์ราชการ 2 ลักษณะ คือเมืองศูนย์ราชการระดับภาค เพื่อเป็นศูนย์รวมการบริหารราชการสนับสนุนฐานเศรษฐกิจใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รองรับการอยู่อาศัยมาตรฐานนานาชาติและจัดตั้งเมืองศูนย์ราชการระดับประเทศ
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. กำลังศึกษาแผนการจัดตั้งเมืองศูนย์ราชการแห่งใหม่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการขยายตัวของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และรองรับการขยายตัวของกรุงเทพมหานครที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต เบื้องต้นได้ข้อสรุป 2 แนวทาง คือ จัดตั้งเป็นเมืองศูนย์ราชการระดับภาค หรือเป็นเมืองศูนย์ราชการระดับประเทศ พร้อมกับย้ายที่ตั้งของส่วนราชการสำคัญมาอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยใช้รูปแบบของเมืองปุตราจายา ประ เทศมาเลเซีย เป็นกรณีตัวอย่างในการศึกษา
สำหรับการศึกษาแผนดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐ-มนตรี ถึงการเตรียมความพร้อมและวางแผนการจัดตั้ง รวมทั้งพัฒนาพื้นที่บริเวณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการอีอีซี โดยที่ผ่านมา สศช.ได้จัดประชุมร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้ง นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาอีอีซี นายกิตติพันธุ์ โรจนชีวะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และเจ้าหน้าที่จากสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคกลาง ไปแล้ว
ทั้งนี้ จากการประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าการพัฒนาเมืองฉะเชิงเทราเป็นเมืองศูนย์ราชการ สามารถทำได้ใน 2 ลักษณะคือ จัดตั้งเป็นเมืองศูนย์ราชการระดับภาค เพื่อเป็นศูนย์รวมการบริหารราช การของการสนับสนุนการเป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ที่ทันสมัยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งรองรับการอยู่อาศัยที่มีมาตรฐานนานาชาติ รวมทั้งจัดตั้งเป็นเมืองศูนย์ราชการระดับประเทศ โดยการวางแผนพัฒนาจะครอบคลุมการสร้างเมืองใหม่ที่มีการวางแผนและออกแบบอย่างมีแบบแผนและทันสมัยให้เป็นศูนย์ กลางการบริหารประเทศ
อย่างไรก็ตาม การวางแผนจัดตั้งเมืองเมืองศูนย์ราชการระดับประเทศจะเป็นโครงการระยะยาวที่ต้องมีการวางแผนไม่น้อยกว่า 15 ปี และจำเป็นต้องมีการศึกษาจัดทำแผนแม่บท การจัดหาที่ดิน การจัดตั้งบริษัทระดมทุน การก่อ สร้าง การโยกย้ายหน่วยราชการ และอาจจำเป็นต้องมีกฎหมายเป็น การเฉพาะเพื่อให้สามารถบริหารจัด-การได้ตามแผนที่วางไว้
อนึ่ง นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทำเลพัทยาซึ่งเป็นเมืองหลักการท่องเที่ยวและพื้นที่ชลบุรีที่เป็นจุดเชื่อมแหล่งงานอุตสาหกรรมต่างๆ ว่า มีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทำให้ชลบุรีอยู่อัน ดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ และปริ มณฑล โดยเฉพาะแผนลงทุนระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งประกอบด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูง "ดอนเมือง-สุวรรณ ภูมิ-พัทยา-อู่ตะเภา-ระยอง" โครงการทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชาย ฝั่งทะเลตะวันออกฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง รวมถึงสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โครงการพื้นที่ต่อขยายท่าเรือแหลมฉบังและโครงการมอเตอร์ เวย์ใหม่สายพัทยามาบตาพุด ซึ่งจะพาดผ่านชลบุรีและระยอง จะส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ขยายตัว ทำให้บริษัทมั่นใจโครงการจะตอบโจทย์ตลาดและไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้