รับสร้างบ้านแข่งดุ
Loading

รับสร้างบ้านแข่งดุ

วันที่ : 11 เมษายน 2560
รับสร้างบ้านแข่งดุ


         
ตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศไตรมาสแรกปี 2560 โตกว่า 19% จากไตรมาส 4 ปี 2559 หลังผู้ประกอบการโหมกระตุ้นตลาด และแข่งขันมากขึ้น         

          สมาคมไทยรับสร้างบ้านสรุปสถานการณ์ ตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศในช่วงไตรมาสแรกปี 2560 (ม.ค.-มี.ค.) ขยายตัวใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ประเมินว่าเติบโตกว่า 19% โดยปัจจัยหลักๆ มาจากการกระตุ้นตลาดและแข่งขันกันคึกคักมากขึ้นของบรรดากลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน หลังจากที่ไตรมาส 4 ตกอยู่ในบรรยากาศซบเซา

          สิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศ ปี 2560 เฉพาะประเภทพักอาศัยถาวร คาดว่ามีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 8 หมื่นล้านบาทเศษ โดยกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านมีแชร์ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทเศษ ขยายตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

          ทั้งนี้ มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ตลาดรับสร้าง

          บ้านเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีสัดส่วน 55-60% หรือคิดเป็น 8,000 ล้านบาทเศษ 2.มูลค่าตลาดรับสร้าง บ้านต่างจังหวัด มีสัดส่วน 40-45% หรือคิดเป็น 5,500-6,000 ล้านบาท

          อย่างไรก็ดี หากพิจารณาสัดส่วนของทั้งสองกลุ่มเปรียบเทียบกับในอดีต พบว่าตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดมีสัดส่วนขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะ 15 ปีที่ผ่านมา เหตุผลจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ในต่างจังหวัดเข้ามาใน

          ธุรกิจรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายสาขาและตลาดต่างจังหวัดของกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านชั้นนำ และสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการรับรู้และความเข้าใจของผู้บริโภคที่มีต่อธุรกิจรับสร้างบ้านดีขึ้น

          พิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ตลาดรับสร้างบ้านมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรงมาจาก 2 เหตุผลหลัก คือ

          ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านต้องการสร้างยอดขายและหาลูกค้าใหม่เข้ามาชดเชยลูกค้าเก่าที่ครบกำหนดส่งมอบบ้าน อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีผู้ประกอบการรายใหม่ที่เดิมเป็นตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้ขยายการบริการสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน

          อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกันด้วยกลยุทธ์ "ราคา" หรือ ลด แลก แจก แถม นั้น อาจสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการงานเข้ามา แต่ไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว ดังนั้นเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคตและเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ หรือ "ตลาดบ้าน" หรือ "ตลาดที่อยู่อาศัย" ยุค 4.0 ที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องนวัตกรรมมาใส่ในแบบบ้านยุคใหม่ อาทิ แบบบ้านเพื่อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

          นอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องนวัตกรรมแล้ว ผู้ประกอบธุรกิจรับสร้างบ้านก็ต้องวางแผนรับมือการตลาดยุคโซเชียลมีเดียด้วยเช่นกัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์