เร่งเต็มที่ "ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก" ครม.ถอดร่าง พ.ร.บ.อีอีซีเป็น ม.44 ประเดิมจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษา
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เป็นประธาน เห็นชอบให้ หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนโครงการในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในระหว่างที่ร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ยังไม่มีผลบังคับใช้ เพื่อให้การเดินหน้าโครงการอีอีซีเป็นไปอย่างรวดเร็ว จูงใจนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา ทางทีมกฎหมายของรัฐบาลและ คสช. จะถอดประเด็นที่มีความสำคัญที่อยู่ภายใต้ร่าง พ.ร.บ.อีอีซี ออกมาเป็นคำสั่งตามมาตรา 44 เป็นเรื่องๆไป เพื่อให้ดำเนินการเกิดความคล่องตัวก่อนที่ร่างกฎหมายจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เรื่องแรกที่จะออกเป็นคำสั่งหัวหน้า คสช. คือการส่งเสริมการจัดการศึกษา เรื่องสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศในพื้นที่อีอีซี โดยให้มีคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ (คพอต.) มีรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีหน้าที่และอำนาจกำหนดศาสตร์วิทยาการและสาขาวิชาที่เป็นประโยชน์และมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ที่สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ จะเข้ามาจัดการศึกษาในไทย และจะได้รับการยกเว้นปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎที่ ครม.กำหนด
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ....ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้เสนอ ครม.อีกครั้งภายใน 1 เดือน โดยประเด็นที่ให้เพิ่มเติม คือขอบเขตอำนาจและความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการอีอีซี ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการอีอีซี โดยให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการในรูปแบบซุปเปอร์บอร์ดอีอีซี รวมทั้งมีการแก้ไขชื่อจากร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เป็นร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รองรับการขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดใกล้เคียง จากปัจจุบัน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ